วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ครบรอบสึนามิ

ครบรอบ 5 ปี สึนามิ ไร้เงาญาติเหยื่อคลื่นยักษ์

สึนามิ



สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยรัฐ

ครบรอบ 5 ปีสึนามิไร้เงาญาติเหยื่อมหันตภัยรำลึกดวงวิญญาณที่สุสานไม้ขาวภูเก็ต มีเพียง อบต.ทำบุญ 2 ศาสนา พุทธ-คริสต์อย่างเงียบๆ โดยทาง อบต.จัดสร้างกำแพงรำลึกสึนามิถาวร เพื่อให้ญาติได้ไว้อาลัย..

เมื่อเวลา 08.45 น.วันที่ 26 ธ.ค. ที่สุสานไม้ขาว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต สถานที่ที่เคยใช้เป็นศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและการส่งกลับของทีทีวีไอ -ดีวีไอนานาชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเหยื่อมหันตภัยคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มชายฝั่งอันดามันนับพันร่าง เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 หรือเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งปัจจุบัน อบต.ไม้ขาวได้มีการจัดสร้างกำแพงรำลึกสึนามิขึ้นอย่างถาวร เพื่อให้ญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 47 ประเทศทั่วโลกได้เดินทางมาไว้อาลัยในแต่ละปี

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา อบต.ไม้ขาวกับจังหวัดภูเก็ตและประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต ทั้งชาวไทยและต่างชาติจะร่วมกันประกอบพิธีทางศาสนาต่างๆ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณที่จากไปมาอย่างต่อเนื่อง

โดยปีนี้ มีนายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานกล่าวคำไว้อาลัยแก่ดวงวิญญาณ จากนั้นได้ร่วมกันวางพวงหรีดและพวงมาลัยบริเวณกำแพงรำลึกสึนามิ ท่ามกลางความเงียบเหงาไร้เงาญาติผู้เสียชีวิตมาร่วมงาน มีเพียงเจ้าหน้าที่ อบต.ไม้ขาว และประชาชนในพื้นที่กว่า 30 คน ซึ่งประกอบพิธีกรรมทางศาสนาพุทธและคริสต์อย่างเรียบง่าย

นายสราวุธ สีสาคูคาม นายก อบต.ไม้ขาว กล่าวว่า การจัดงานรำลึกครบ 5 ปีสึนามิที่สุสานไม้ขาวปีนี้เป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยได้มีการจัดสร้างกำแพงรำลึกสึนามิขึ้นอย่างถาวร จากอดีตเป็นเพียงไม้อัดและนำธงแต่ละชาติมาปักไว้เท่านั้น ซึ่งจากนี้ไปญาติผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติสึนามิจะสามารถเดินทางมาวางมาลัย หรือพวงหรีดที่กำแพงรำลึกสึนามิได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันที่ 26 ธ.ค.ของแต่ละปี ซึ่งในปีนี้ได้มีญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตต่างทยอยเดินทางมาวางพวงหรีดและ มาลัยที่กำแพงรำลึกสึนามิของแต่ชาติที่สุสานไม้ขาวไปก่อนหน้าวันครบรอบ 5 ปีบ้างแล้ว ทำให้วันครบรอบไม่มีญาติผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวต่างชาติ มีเพียงญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตที่เป็นคนไทยเท่านั้น





ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วันพ่อ

ประวัติ

วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา หลักการและเหตุผลที่มีการจัดตั้งวันพ่อขึ้นแห่งชาติ เนื่องจากพ่อ เป็นบุคคลผู้มีพระคุณและมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนและตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสังคมควรที่จะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเป็น "วันพ่อแห่งชาติ" เพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะ “พ่อแห่งชาติ” ซึ่งนอกจากพระองค์จะเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและพระราชธิดา ทรงทะนุบำรุงพระราชโอรสธิดาด้วยความรัก และทรงอบรมอนุศาสน์ให้ทรงเจริญวัยสมบูรณ์ ทรงเป็น "พ่อ" ตัวอย่างของปวงชนชาวไทยที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากรุณา อีกทั้งยังทรงบำเพ็ญคุณานุประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน ทรงพระมหากรุณาทะนุบำรุงขจัดทุกข์ผดุงสุขพสกนิกรถ้วนหน้า พระองค์ทรงเป็น “พ่อแห่งชาติ” ที่อาณาประชาราษฎร์เทิดทูนด้วยความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และยึดมั่นในการเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการทะนุบำรุงชาติบ้านเมืองให้วัฒนาถาวรสืบไป

[แก้]วัตถุประสงค์

  • เพื่อเทิดทูนพระเกียรติคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
  • เพื่อเทิดทูนพระคุณของพ่อ และยกย่องบทบาทของพ่อที่มีต่อครอบครัวและสังคม
  • เพื่อให้ลูกได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อ
  • เพื่อให้ผู้เป็นพ่อ สำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบของตน

[แก้]กิจกรรม

กิจกรรมในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในทุกๆ ปี จะมีการประดับธงชาติในทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการ โรงเรียน บริษัท และบ้านเรือน เพื่อถวายพระพรให้พระองค์ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน และยังมีการทำความสะอาดแม่น้ำลำคลอง ถนน โรงพยาบาล และประดับรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไว้ที่หน้าบริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย

กิจกรรมสำหรับลูกในวันพ่อแห่งชาติ คือ ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน จัดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ หรือบำเพ็ญกุศล ทำบุญใส่บาตร เพื่ออุทิศส่วนกุศล และระลึกถึงพระคุณของพ่อ

นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมประกาศเกียรติคุณ พ่อตัวอย่าง หรือพ่อดีเด่น โดยกำหนดคุณสมบัติ คือ มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ส่งเสริมการศึกษาของบุตร ธิดา นับถือศาสนาโดยเคร่งครัด งดเว้นอบายมุขทุกชนิด อุทิศตนเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชน

วันรัฐธรรมนูญ

10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ aksorn.com และทางอินเทอร์เน็ต


วันรัฐธรรมนูญ เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่ง ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี

ความหมายของรัฐธรรมนูญ

รัฐธรรมนูญ หมายถึง กฎหมายว่าด้วยระเบียบการปกครองประเทศ

วันรัฐธรรมนูญ ตรงกับ วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวร เพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย

รัฐธรรมนูญ


ประวัติความเป็นมา

การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การปกครองของชาติไทย เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

สาเหตุที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 แห่งราชวงศ์จักรีทรงมีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย

หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ผลอันนี้ได้กระทบมาถึงไทยด้วย พระองค์ได้แก้ไขเศรษฐกิจโดยปลดข้าราชการออก ยังความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการ

อิทธิพลจากตะวันตกเกี่ยวกับอุดมการทางการเมือง ทำให้กลุ่มคนหนุ่มต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน

รัฐบาลได้ออกกฏหมายเก็บภาษี อาทิ ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน จากราษฎร


จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการทหาร และราษฎรทั่วไปจึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยการปฏิวัติ มีคณะผู้รักษาการพระนครฝ่ายทหาร ซึ่งประกอบด้วยพันเอก พระยาพหลพยุหเสนา พันเอกพระยาทรงสุรเด และพันเอกพระฤทธิอาคเนย์ เป็นผู้บริหารประเทศ




วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเรียกว่า "พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว" สาระสำคัญของธรรมนูญการปกครองฉบับนี้ได้แก่ การที่กำหนดว่าอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศหรืออำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย การใช้อำนาจสูงสุดก็ให้มีบุคคลคณะบุคคลเป็นผู้ใช้อำนาจแทนราษฎรดังนี้ คือ

พระมหากษัตริย์
สภาผู้แทนราษฎร
คณะกรรมการราษฎร
ศาล

ลักษณะการปกครองแม้จะเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตยแต่ก็ถือว่าพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ เป็นสถาบันที่ถาวรและมีการสืบราชสมบัติต่อไปในพระราชวงศ์ การปฏิบัติราชการต่างๆ จะต้องมีกรรมการราษฎรผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ โดยได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการราษฎรจึงจะใช้ได้

สถาบันที่เกิดใหม่คือ สภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีอำนาจทางนิติบัญญัติออกกฎหมายต่างๆ ซึ่งเมื่อพระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้แล้วจึงมีผลบังคับได้ เหตุนี้ในระยะแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สภาผู้แทนจึงเป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุดในทางการเมือง ส่วนการใช้อำนาจตุลาการยังคงให้ศาลยุติธรรมที่มีอยู่แล้วพิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นไปตามกฎหมายได้ตามเดิม


รัฐธรรมนูญ


กระทั่งถึง วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวร ซึ่งมีหลักการต่างกับฉบับแรกในวาระสำคัญหลายประการ อาทิได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นการปกครองแบบรัฐสภา ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2475 ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมืองเป็นผู้ใช้อำนาจทางคณะรัฐมนตรี

ซึ่งพระมหากษัตริย์ ทรงแต่งตั้งให้บริหารราชการแผ่นดิน แต่คณะรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดินต่อสภาผู้แทน รัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมิได้ใช้แต่เพียงอำนาจนิติบัญญัติเท่านั้น แต่มีอำนาจที่จะควบคุมคณะรัฐมนตรีในการบริหารแผ่นดินด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีรวมทั้งพระมหากษัตริย์ซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาลก็มีอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนได้


รัฐธรรมนูญ



หากเห็นว่าได้ดำเนินการไปในทางที่จะเป็นภัยหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์สำคัญของรัฐที่มีผลเท่ากับถอดถอนสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งมาเพื่อให้ราษฎรเลือกตั้งใหม่ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์นั้นได้บัญญัติว่าพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้้

รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นเครื่องกำหนดระเบียบแบบแผนของสังคม เพื่อเป็นการระลึกถึงรัฐธรรมนูญฉบับแรก อันเป็นฉบับถาวร และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย ทางราชการจึงกำหนด วันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันรัฐธรรมนูญ


วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ด่วน!!!!!

ข่าวด่วน!!!!
สหรัฐตรวจพบไวรัสไข้หวัดใหญ่2009ใน แมวเป็นครั้งแรก ชัดเจนว่าได้รับเชื้อไวรัสชนิดเอ เอช1เอ็น1 จากเจ้าของ
สัตวแพทย์ในรัฐไอโอวาของสหรัฐตรวจพบไวรัสไข้หวัดใหญ่2009ในแมวเป็นครั้งแรก แมวตัวดังกล่าวเป็นเพศผู้มีอายุ 13 ปี มีความชัดเจนว่าได้รับเชื้อไวรัสชนิดเอ เอช1เอ็น1 จากเจ้าของ เพราะพบว่ามีสมาชิก2ใน3คนของครอบครัวนี้เคยติดเชื้อไวรัสดังกล่าวมาก่อน
ทีมงานสัตวแพทย์และนักวิชาการของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐไอโอวา ยืนยันผลการตรวจหลังจากติดตามประวัติของครอบครัวนี้และเฝ้าสังเกตอาการเป็น เวลา 5 วัน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สัตวแพทย์ให้ยาปฏิชีวนะแก่แมวตัวนี้แล้วพบว่าอาการดีขึ้นมาก
รศ.เบรต สปอนเซลเลอร์ ผู้วชาญจุลชีววิทยาเกี่ยวกับสัตว์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงจำนวนแมวที่ติดเชื้อและอันตรายจากเชื้อที่ติดจากแมวไป สู่มนุษย์ แต่ดูเหมือนว่าจะมีอันตรายไม่มากนัก เขาเชื่อว่าจะมีการนำแมวมาตรวจมากขึ้นเพื่อหาการติดเชื้อ
หน่วยงานสาธารณสุขของรัฐไอโอวาเตือนประชาชนที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่าสามารถเป็นพาหะแพร่เชื้อไปยังมนุษย์และสัตว์บางชนิดได้ โดยที่สัตว์เลี้ยงจะมีความใกล้ชิดกับคนป่วยและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มาก
ก่อนหน้านี้สัตวแพทย์วินิจฉัยพบว่าแมวสามารถติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกเอช 5 เอ็น 1 แต่ในกรณีแมวอายุ 13 ปี ตัวนี้เป็นครั้งแรกที่ตรวจพบไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และบ่งบอกเป็นนัยถึงความเป็นไปได้ของการแพร่ระบาด

สนับสนุนเนื้อหา

วิธีลดรอยดำจากสิว

1.นำเหรียญบาทไปต้มทิ้งไว้15นาที ทิ้งไว้ให้เย็น 2.นำไปแช่น้ำมะพร้าว 3.นำมาทาบไว้ตรงบริเวณแผลเป็น 4. ธาตุที่ผสมอยู่ในเหรียญบาทซึ่งได้แก่ ทองแดง75% และ นิกเกิล25% จะทำปฏิกิริยาดังนี้ - ทองแดงจะมีสารที่ทำปฏิกิริยากับสิ่งต่างๆที่มีรอยด่างดำ ซึ่งรวมไปถึงสิวด้วย โดยทองแดงจะทำการดูดกลืนรอยด่างดำอย่างรวดเร็ว - ส่วนนิกเกิลจะช่วยในการปรับสภาพพื้นผิวทำให้ผิวขาวเนียนเรียบสม่ำ เสมอ *****ที่ให้แช่น้ำมะพร้าวก่อนนั้น เพราะว่าน้ำมะพร้าวจะช่วยสมานแผลที่เกิดจาก การกัดผิวของทองแดง เพื่อลดอาการแสบคัน 5.วางทิ้งไว้30นาที แล้วนำเหรียญออก 6. เสร็จแล้วนำน้ำมะพร้าวที่แช่เหรียญไว้มาล้างหน้า 7. นำเหรีญบาทที่วางบนสิวมาอมใส่ปากไว้ 8. นอนรอทำพิธีมัดตราสังข์ 9. อธิษฐานว่า ชาติหน้าหนูอยากเกิดมาหน้าเนียนใส 10. จบพิธี ลองทำดูน่ะคร่ะ

ประโยชน์ของการฟังดนตรี คลาสสิก

ดนตรีคลาสสิก โดยเฉพาะดนตรีของโมสาร์ต ได้ผ่านการวิจัยครั้งแล้ว ครั้งเล่า จากหลายสถาบันว่า มีคุณประโยชน์นอกเหนือไปจากความไพเราะ ประโยชน์บางอย่างนั้นได้แก่ 1. กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ 2. บรรเทาความเจ็บป่วยของผู้ป่วยทางสมอง 3. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน 4. ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าในช่วงเช้าของวัน 5. ทำให้อารมณ์และกล้ามเนื้อผ่อนคลาย 6. เป็นสาระบันเทิง (Edutainment) ที่มีประโยชน์ 7. สำหรับร้านอาหารที่เปิดเพลงคลาสสิก ช่วยทำให้ลูกค้าบริโภคอาหารมากขึ้น 8. สำหรับห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าทั่วไป ทำให้คนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น 9. ช่วยให้เด็ก ๆ เรียนรู้แยกแยะและตอบสนองทางอารมณ์ได้อย่างถูกต้อง 10. ช่วยให้เด็กเข้าใจเรื่องจังหวะซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการพูด 11. ทำให้สุขภาพดีขึ้น เพราะดนตรของโมสาร์ตทำให้ระบบการหายใจ จังหวะหัวใจ และคลื่นสมองทำงานประสานกันได้อย่างดี ไม่ทราบเพื่อนจะเคยเห็นบทความอันนี้มาหรือป่าวนะครับ ของคุณบัณฑิต อึ้งรังษี พอดีผมไปงานหนังสือ ส่วนตัวชอบดนตรีคลาสสิกอยู่แล้ว ก็เรยอยากรู้เพิ่มว่าความเป็นมายังไง ก็เรยหาหนังสือที่มีชื่อว่า "ดนตรีดีๆไม่มีกระได" เรยทำให้รู้ว่าการที่เริ่มฟังเพลงคลาสสิก มีประโยชน์อย่างงี้นี้เอง

แนะนำวิธีหน้าใสแบบประหยัด

วิธีทำ
1.ใช้โยเกิร์ต รสธรรมชาติ (เท่านั้น) รศอื่นห้ามนะ 2.ล้างหน้าให้สะอาด แล้วเช็ดให้แห้ง3.จากนั้นก็ใช้ "โยเกิร์ต"พอกที่หน้า (บางๆ)4.แล้วทิ้งไว้ให้แห้งติดกับหน้าเลย5.จากนั้นก็ใช้นิ้วขัดโยเกิร์ตที่หน้า ขัดจนรู้สึกว่าเจ็บหน้าแล้วอ่ะ ก็พอได้6.จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำเปล่า แล้วเช็ดให้แห้ง7.จากนั้นคุณจะรู้สึกว่าหน้าดีขึ้น จากนั้นก็ใช้ครีมรสน้ำนม(เท่านั้น)ทาที่หน้าเราแล้วห้ามทาแป้งนะ ทิ้งไว้แบบนั้นแหละ
ก็มีแค่นี้แหละนะ ลองทำดู ลงทุนน้อยได้ผลมากนะ ทำแล้ว รู้สึกหน้าใสขึ้นเยอะเลยแหละ

วิธีไล่จิ้งจก

ใครที่ประสบกับปัญหาจิ้งจกกวนใจ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีไล่จิ้งจกมาบอก...วิธีแรก ใช้ผ้าชุบน้ำมันก๊าซผสมน้ำ แล้วนำไปวางตามมุมอับ กลิ่นเหม็นของน้ำมันก๊าซ จะเป็นตัวไล่ให้จิ้งจกไม่กล้าเข้าใกล้ หรือนำการบูร ลูกเหม็น ไปวางแทนที่ก็ใช้ได้เช่นกันอีกวิธีให้ใช้น้ำฉีดไปที่เท้าของจิ้งจก เพราะน้ำจะเข้าไปแทนที่สูญญากาศใต้พังผืดบริเวณเท้า ทำให้หล่นลงมา

วิธีแก้เมาเหล้า

ขอแนะเคล็ดลับวิธีแก้เมาเหล้าแบบง่ายๆ สำหรับนักดื่มมาฝาก...เริ่มจาก นำกาแฟผงชนิดใดก็ได้ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำร้อน 1 แก้ว (ห้ามใส่น้ำตาล) คนให้ละลาย รอจนอุ่นแล้วดื่ม หรือใช้มะนาว 1 ลูกคั้นเอาแต่น้ำ แล้วดื่ม ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ก็จะอาเจียน จากนั้นนอนพักสักครู่ อาการเมาก็จะหายไป

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

วัยรุ่นซึมเศร้าโตขึ้นมาจะเป็นโรคจิต

"โจ๋"ซึมเศร้า-โตขึ้นจิตป่วย
ผลการศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า วัยรุ่นที่มีอาการซึมเศร้าเล็กน้อย เมื่อชีวิตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จะเสี่ยงมีปัญหาทางจิตสูงกว่าคนทั่วไปนักจิตวิทยามหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และสถาบันจิตวิทยานิวยอร์ก ศึกษาเก็บข้อมูลจากคน 750 คน โดยสัมภาษณ์ครั้งแรกขณะอายุ 14-16 ปี จากนั้นสัมภาษณ์อีกครั้งเมื่อเป็นผู้ใหญ่ พบว่า ร้อยละ 8 มีอาการซึมเศร้าเล็กน้อยขณะเป็นวัยรุ่น คือรู้สึกเศร้า เบื่อ มีปัญหาในการนอน และขาดสมาธิอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ คนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 4 เท่า ที่จะซึมเศร้าหนักขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงวัย 20 และ 30 ปี นอกจากนั้น ยังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 2 เท่าครึ่ง ที่จะเป็นโรคกลัวการอยู่ในที่โล่ง วิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ และความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 3 เท่า ที่จะเป็นโรคกลัวอ้วนถึงขั้นไม่ยอมรับประทานอาหาร (อะโนเร็กเซีย) หรือรับประทานมากแล้วทำให้ตนเองอาเจียนออกมา (บูลิเมีย) อย่างไรก็ตาม นักวิจัยระบุว่า ต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถชี้ชัดว่า อาการซึมเศร้าเมื่อเป็นวัยรุ่นเป็นอาการเบื้องต้นของอาการซึมเศร้าหนัก หรือเป็นสาเหตุที่ทำให้ซึมเศร้าเมื่อเป็นผู้ใหญ่หรือไม่ด้านองค์กร "ยังมายด์ส" กลุ่มให้คำปรึกษาทางอารมณ์และจิตใจแก่วัยรุ่นในอังกฤษให้ความเห็นว่า ผลการศึกษาดังกล่าวตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการให้ความช่วยเหลือที่ถูกต้องแก่วัยรุ่นทันทีที่สัญญาณของปัญหาปรากฏ ดีกว่าปล่อยให้ปัญหาลุกลามที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ไขข้อข้องใจของใครหลายๆคน

สวัสดีครับ.. ช่วงนี้กระแส GAT PAT มาแรงแซงทาง 5 แพร่งมากๆ เพราะทั้งผู้ปกครอง นักเรียน และอาจารย์แนะแนว ต่างออกมาโจมตีการสอบ GAT PAT กันยกใหญ่ ว่าการสอบแบบนี้ไม่เหมาะกับเด็กไทย สอบแล้วได้อะไร วัดอะไรไม่ได้

จนในที่สุด ท่านอาจารย์อุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการ สทศ. ต้องออกมาชี้แจงด้วยตัวเองผ่านหนังสือพิมพ์มติชนว่า การสอบ GAT PAT นั้นเป็นการสอบที่ดี และสามารถวัดผลของผู้สอบได้ชัดเจน รายละเอียดเป็นยังไงไปอ่านกัน

>>> ข้อสอบ GAT เป็นแบบไหน วัดอะไรได้บ้าง

อาจารย์อุทุมพร จามรมาน ได้ชี้แจงถึงลักษณะของข้อสอบ GAT ว่าเป็นข้อสอบที่วัดความสามารถในการอ่าน เขียน คิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหา ตลอดจนความสามารถในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ โดยข้อสอบไม่เน้นเนื้อหาที่เรียน แต่วัดศักยภาพที่ติดตัวนักเรียนมา

ข้อสอบ GAT เป็นข้อสอบที่วัดความรู้ และความสามารถในการอ่าน เขียน คิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา ตลอดจนความสามารถในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ โดยข้อสอบจะไม่เน้นเนื้อหาที่เรียน แต่วัดศักยภาพที่ติดตัวนักเรียนมา

ลักษณะการทำข้อสอบ GAT จะเป็นข้อสอบที่ไม่เน้นเนื้อหาที่เรียนมา มีบทความให้อ่าน และตั้งคำถามจากบทความที่ให้อ่าน ส่วนการตอบให้ผู้เข้าสอบระบายคำตอบที่ต้องการได้หลายตัวเลือก ซึ่งเป็นการออกข้อสอบที่ผสมผสานความสามารถในการอ่าน เขียน คิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหาไปพร้อมกัน


>>> ใครเป็นคนออกข้อสอบ GAT

ดังนั้น ต้องอาศัยผู้ออกข้อสอบที่มีความสามารถทางสมองระดับสูง จึงจะสามารถออกข้อสอบได้ ถือเป็นนวัตกรรมของการออกข้อสอบแบบใหม่ที่นักวัดผลควรให้ความสนใจ และข้อสอบดังกล่าวแก้ปัญหาการเดาถูกได้ลดลง ซึ่งแตกต่างจากข้อสอบแบบเลือกตอบ 4-5 ตัวเลือก ที่เปิดโอกาสให้เดาถูก 20-25%

ทั้งนี้ จากการติดตามผลการสอบที่ผ่านมาพบว่า มีนักเรียนได้คะแนน 0 และได้คะแนนเต็ม โดยผู้ที่ได้คะแนน 0 จะไม่สามารถเรียนต่อในคณะแพทย์ศิริราชได้ ในขณะที่ผู้ที่ได้คะแนนเต็ม มีความสุขในการเรียนแบบคิดวิเคราะห์ ซึ่งสอนในคณะแพทย์หลายแห่ง ที่สำคัญอยากชี้แจงว่า วัตถุประสงค์หลักของการวัดผล คือ การได้คะแนนที่สะท้อนสิ่งที่ต้องการวัดได้

>>> ข้อสอบ PAT เป็นแบบไหน

ส่วนข้อสอบ PAT จะประกอบไปด้วยเนื้อหาที่จำเป็นในการเรียนต่อ ในคณะนั้นๆ ร่วมกับความถนัดเฉพาะที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันเปอร์เซ็นต์ของเนื้อหายังมากไป ในอนาคตอาจต้องปรับให้เนื้อหา และศักยภาพมีเปอร์เซ็นต์ที่ใกล้เคียงกัน

เอาล่ะครับ.. ความจริงแล้วข้อสอบ GAT PAT ก็เป็นแนวการสอบที่ดีนะครับ.. แต่ที่ไม่ดีคงอยู่ที่ขั้นตอน และรายละเอียดการสอบมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วน หรือรูปแบบกฏกติกาต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงกันบ่อยมากๆ จนคนสอบตามไม่ทัน

แต่ไม่ว่าจะข้อสอบ GAT PAT จะถูกเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน หรือจะวัดผลได้มากน้อยเพียงใด สิ่งที่อยากฝากชาวเด็กดีคือ ให้ตั้งใจ และเตรียมพร้อมไว้ครับ.. เราในฐานะผู้ตาม ก็ต้องทำหน้าที่ผู้ตามให้ดีที่สุดครับ.. ครั้งที่ 3 อีกไม่กี่วันนี้ จงเต็มที่ครับ.. สู้ๆๆ

ลาเต้ลิขิต : ชาวเด็กดีไปสอบ GAT PAT มาแล้ว ได้อะไรกลับมาบ้าง ^_^

10วิธีปฏิบัติ...ไม่พลาดในการสอบ

สวัสดีค่ะชาวเด็กดี มีใครบ้างที่เวลาสอบเกิดอาการเอ๋อๆ เบลอๆ กันบ้างค่ะ หรือบางทีก็เกิดอาการตื่นเต้นลืมนั่นลืมนี่ไปหมด วันนี้พี่แนนเลยมีเคล็ดลับ "ทำอย่างไร ไม่ให้สะเพร่าเวลาทำข้อสอบ" จากน้อง Tawan_T_Pro มาบอกค่ะ พี่แนน เห็นว่าเป็น 10 วิธีที่จะช่วยให้น้องๆ สามารถทำการสอบได้อย่างไม่พลาด มาดูกันว่า มีอะไรบ้าง
10 วิธีปฏิบัติ..ไม่พลาดในการสอบ !!!
กฎ 10 ข้ออันพึงประสงค์ในการสอบ
1.เวลาทำข้อสอบให้เขียนชื่อ-สกุล ชั้น ให้เรียบร้อย
2.ตรวจดูข้อสอบว่ามีครบทุกข้อหรือเปล่า (เช่น ข้อ1 ข้อ2 ข้อ4) ถ้าขาดหายไปให้รีบแจ้งอาจารย์ทันที
3.อ่านโจทย์อย่างน้อย 2 ครั้ง แล้วจึงตอบ (ตีโจทย์ให้เข้าใจก่อน)
4.ถ้าข้อไหนคิดไม่ออก ให้ข้ามไปทำข้อต่อไปทันที พอเสร็จจึงกลับมาทำข้อที่เหลือเพื่อไม่ให้เสียเวลา
5.ตรวจดูว่าเราใส่คำตอบตรงตามข้อหรือเปล่า ถ้าเป็นกระดาษคำตอบ ให้ตรวจว่าคำตอบตรงกับคำถามหรือเปล่า
10 วิธีปฏิบัติ..ไม่พลาดในการสอบ !!!
6.ถ้าใกล้หมดชั่วโมง ให้รีบตอบให้หมดทุกข้อ ห้ามเว้นไว้ เพราะบางทีอาจจะถูก แต่ถ้าเว้นไม่ก็ไม่มีโอกาสได้คะแนน
7.การอ่านทบทวนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากทำข้อสอบแล้วไม่ทบทวน จะมีโอกาสถูกแค่ 80%
8.เวลาอ่านหนังสือ ไม่ควรอ่านหลายวิชาพร้อมๆกัน เพราะอาจงงเวลาสอบได้
9.ความเป็นระเบียบเวลาทำข้อสอบอัตนัย (บรรยาย)เราต้องเขียนให้เป็นระเบียบเพื่อจะได้อ่านง่าย และมีโอกาสถูกเพิ่มขึ้นถึง 5%
10.วิธีสุดท้ายนี้ได้มาจากอาจารย์ คือ เวลาทำข้อสอบต้องมั่นใจให้ได้ 50% ขึ้นไป เช่น ข้อสอบ 100 ข้อ ต้องมั่นใจว่าถูกกว่า 50 ข้อ แค่นี้ก็ไม่ตกแล้ว
นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ "ความมั่นใจ"

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเคล็ดลับ 10 ข้อ ลดการสะเพร่าเวลาสอบ จากน้อง Tawan_T_Pro ซึ่งช่วยให้เรามีความรอบคอบมากขึ้น และไม่ทำให้เราพลาดคะแนนสวยๆในแต่ละวิชา ชาวเด็กดีคนไหนสนใจก็สามารถนำไปลองใช้กันได้นะคะ หรือใครมีเคล็ดลับนอกเหนือจากนี้ ก็มาเล่าให้พี่แนนฟังบ้างนะคะ ทาง nan[at]dek-d.com จ้า..^^

พี่แนนขอขอบคุณข้อมูลจากบทความของน้อง Tawan_T_Pro ค่ะภาพประกอบจาก http://files.softloads.in,www.sriwittayapaknam.ac.th

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อันดับไทยที่สุดในโลก

อาหารไทยเป็นอาหารยอดนิยม ติด 1 ใน 5 ของโลก ร่วมกับ อาหารฝรั่งเศส อิตาเลียน ญี่ปุ่น จีน ทั่วโลกมีร้านอาหารไทย 6000 แห่ง อยู่ในสหรัฐ 3000 แห่ง มีลูกค้าเข้ามารับประทานเฉลี่ยนวันละ 3 ล้านคน (2545) คนไทยมีสถิติดื่มสุราสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก (2546) ไทยเป็นผู้ส่งออกใหญ่ที่สุดอันดับที่ 4 ของโลกในการส่งออกรถยนต์ไปยังสิงคโปร์(2546) ไทยติดอันดับละเมิดลิขสิทธิ์ 1 ใน 10 ของโลก มูลค่าตลาดสูงกว่า 1,600 ล้านบาท เป็นอันดับ 3 ในเอเชียรองจากจีนและไต้หวัน(2546) ไทยเป็นชาติที่ร่ำรวยที่สุด อันดับ 32 ของโลก จากการจัดอันดับของธนานคารโลก ส่วนอันดับ 1-10 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี จีน สเปน แคนาดา และอินเดีย (2547) ไทยติดอันดับประเทศน่าลงทุนติดอันดับที่ 20 ของโลก จากทั้งหมด 155 อันดับ ถือเป็นประเทศที่มีผลงานที่ดีที่สุดประเทศหนึ่ง แซงหน้ามาเลเซียและเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 21 และไต้หวันที่อันดับ 35(2548) ไทยติดอันดับอันดับ 5 ของโลก ในการแพร่เว็บลามก (2549) กรุงเทพมหานครได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมามากที่สุดในทวีปเอเชีย และเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก ฟลอเรนซ์ และโรม ในขณะที่เชียงใหม่ อยู่อันดับที่ 5 (2549) สนามบินของไทยมีผู้ใช้บริการมากที่สุด อันดับ 11 ของโลก (ยังไม่นับตอนสุวรรณภูมิเปิด) (2549) ไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีความสุขที่ 44 ของโลก ในเอเชียนั้น ฟิลิปปินส์อันดับที่ 23 อินโดนีเซียอันดับที่ 31 จีนอันดับที่ 32 ไทยอันดับที่ 44 มาเลเซียอันดับที่ 66 อินเดียอันดับที่ 64 ฮ่องกงอันดับที่ 89 (2549) วัยรุ่นไทยติดอันดับ 1 ของโลก ในการเล่นเว็บแคมฟร็อก โดยห้องแชตสุดฮิต อันดับ 1-60 เป็นห้องของคนไทย 55 ห้อง (2550) ปตท. เป็นบริษัทไทยแห่งเดียวที่ติดอันดับในกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ 500 อันดับแรกของโลก จากผลการสำรวจประจำปี 2007 เป็นอันดับที่ 41 ในเอเชีย และเฉพาะในภาคธุรกิจการกลั่นปิโตรเลียม ปตท.อยู่ในอันดับที่ 22 ของโลก (2550) ผู้บริหารระดับสูงของไทย ติดอันดับมีรายได้เฉลี่ยสูงสุดอันที่ 8 ของโลก ในรายชื่ออันดับอำนาจการซื้อผู้บริหาร อันดับ1.ซาอุดิอาระเบีย อันดับ2.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อันดับ3.ฮ่องกง อันดับ4.รัสเซีย อันดับ5.ตุรกี อันดับ6.เม็กซิโก อันดับ7.ยูเครน อันดับ8.ไทย อันดับ9.สิงคโปร์ (2550) ประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับที่ 19 ของโลก มีจำนวนประมาณ 63 ล้านคน ในการแข่งขัน ชีววิทยาโอลิมปิก 2550 เด็กไทยคว้ารางวัล คะแนนสูงสุด อันดับ 1 ของโลก(2550) ประเทศไทยเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญของโลก สามารถผลิตข้าวได้ประมาณ 27 ล้านตัน จัดเป็นอันดับ 6 ของโลก มีการส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก มูลค่า 1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นข้าวสารร้อยละ 97 และผลิตภัณฑ์จากข้าวร้อยละ 7 แต่ถึงแม้ประเทศไทยจะส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ไม่มีอำนาจในการกำหนดราคาข้าวในตลาดโลกเลย (2550) ไทยติดอันดับประเทศที่ใช้จักรยานยนต์มากเป็นอันดับ 3 ของโลก เฉลี่ย 3 คน ต่อ 1 คัน(2550) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุด อันดับ 2 ของโลก(2550) แถมๆ * รายชื่อมหาวิทยาลัยไทยที่ติดอันดับ 1 ใน 3000 ของโลก อันดับที่ 505 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 577 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 721 สถาบันเทคโนโลยีเอเซีย (เอไอที) 861 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 894 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 896 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 909 มหาวิทยาลัยมหิดล 1009 มหาวิทยาลัยขอนแก่น 1195 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ 1419 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า 1460 สถาบันทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารฯ 1735 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 1801 มหาวิทยาลัยรามคำแหง 1811 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ 2068 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 2109 มหาวทยาลัยกรุงเทพ 2125 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 2180 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 2181 มหาวิทยาลัยบูรพา 2196 มหาวิยาลัยศิลปากร 2204 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 2374 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต 2602 มหาวิทยาลัยวิไลลักษณ์ 2635 มหาวิทยาลัยรังสิต 2922 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร จริงๆประเทศไทยก็มีนัก HACKER สุดยอด อันดับ 3 ของโลกด้วยนะ (แต่ว่าถูกจับไปแล้ว ) =w=" อันนี้ไม่แน่ใจอะ แต่ก็ได้ยินมาว่า ไทยมีพิพิทธภัณฑ์มากเป็นอันดับ 2 ของโลกและทางยกระดับ บางนา-ตราด เป็นทางด่วนยกระดับที่ยาวที่สุดในโลก O_o

ผลไม้ฟอกฟัน

ผักผลไม้ฟอกฟันให้ขาวสะอาดได้
โชคดีที่ธรรมชาติได้มอบสิ่งวิเศษสุดที่แสนธรรมดาเอาไว้ให้เรา...คือ พืชผัก ผลไม้ ที่งอกงามขึ้นมาจากผืนดินนั่นเอง จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย แอปเปิ้ล ขึ้นฉ่ายฝรั่ง แครอต และผักผลไม้สดอื่นๆ อีกหลายชนิด ที่เราจะต้องเคี้ยวมากๆ เวลากิน สามารถทำหน้าที่ได้ดีราวกับผงซักฟอกทีเดียว ทั้งยังมีคุณสมบัติบางประการที่ช่วยให้ฟันดูขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย ส่วน ผักโขม ผักกาดหอม และบร็อคโคลี่ ก็ช่วยป้องกันคราบไม่ให้เกาะติดได้ง่าย โดยการสร้างเยื่อบางๆ เคลือบผิวฟัน ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นเกราะชั้นนอกอีกที นอกจากนี้ สตรอว์เบอร์รี่ ก็นำมาใช้สีทำความสะอาดฟันได้อย่างอ่อนโยนราวกับยาสีฟัน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยฟอกฟัน ทั้งยังขจัดคราบเหลืองของน้ำชากาแฟได้ด้วย โดยบิบผลสตรอว์เบอร์รี่สีแดงผลหอมหวานออก แล้วนำเนื้อผลไม้นุ่มๆ นั้นขัดถูลงบนผิวฟัน แหม...กินแล้วทำให้เราสวยได้ทั้งจากภายใน เพราะได้รับวิตามินและกากใย ทำให้ดูดีจากภายใน แล้วยังทำให้เราดูดีจากภายนอก เพราะฟันขาวสะอาด ได้ประโยชน์สองต่อขนาดนี้ นึกออกแล้วใช่ไหมคะว่าวันนี้จะซื้อผลไม้อะไรกลับบ้านบ้างที่มาจาก ชีวจิต

10... อันดับเมืองไม่น่าอยู่

อันดับ 10 เมืองปอร์โตแปรงซ์ สาธารณรัฐเฮติ ปอร์โตแปรงซ์ เป็นเมืองหลวงของประเทศเฮติ มีประชากรอาศัยอยู่ราว 2.5-3 ล้านคน ในจำนวนนี้มีไม่น้อยที่อยู่กันอย่างแออัดในพื้นที่สลัม แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองของที่นี่จะยังไม่ค่อยสงบนัก แต่ปอร์โตแปรงซ์ ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเยี่ยมเยือนเป็นระยะๆ
หมายเหตุ - สาธารณรัฐเฮติ เป็นประเทศหนึ่งในทวีปอเมริกาเหนือ ตั้งอยู่บนเกาะฮิสปันโยลาในทะเลแคริบเบียน และเป็นชาติที่ยากจนที่สุดในซีกโลกตะวันตก
อันดับ 9 เมืองกินชาซ่า สาธารณรัประชาธิปไตคองโก
กินชาซ่า เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก มีประชากรอาศัยอยู่ราว 8 ล้านคน

เมื่อปีค.ศ. 2004 กินชาซ่า ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเมืองอันตรายที่สุดในแอฟริกา เนื่องจากหลังสิ้นสุดสงครามคองโกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 2003 (สงครามเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998-2003) อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน ประชาชนของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ก็ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองกินชาซ่า มีอัตราการเกิดคดีอาชญากรรมสูงมาก คิดเป็นอัตราส่วนอาชญากร 112.3 คน ต่อประชากร 100,000 คน เลยทีเดียว

หมายเหตุ - คองโก เป็นชื่อดินแดนของสองประเทศในแอฟริกากลาง โดยมีแม่น้ำคองโกไหลผ่าน สองประเทศที่ว่านี้ก็คือ สาธารณรัฐคองโก (Republic of the Congo, ROC) และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (Democratic Republic of the Congo, DRC) - วิกิพีเดีย

อันดับ 8 เมืองนูแอกช็อต สาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนีย


นูแอกช็อต เป็นเมืองหลวงและเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศมอริเตเนีย ตั้งอยู่บนฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เดิมทีเป็นเมืองเล็กๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทำประมง แต่หลังจากปี ค.ศ. 1950 (พ.ศ. 2493)เป็นต้นมา เมืองดังกล่าวก็เริ่มแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว และมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบัน นูแอกช็อต มีประชาชนอาศัยอยู่เกือบ 9 แสนคน และในจำนวนนี้ มีไม่น้อยที่อพยพเข้ามาเพื่อหนีปัญหาความแห้งแล้ง
หมายเหตุ - มอริเตเนีย เป็นประเทศในแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือ มีพรมแดนติดชายฝั่งบนมหาสมุทรแอตแลนติกทางทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดประเทศเซเนกัล ทิศตะวันออกติดประเทศมาลี ทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดประเทศแอลจีเรีย ส่วนทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดเวสเทิร์นสะฮารา - วิกิพีเดีย
Pointe Noire เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศคองโก ตั้งอยู่ท่ามกลางบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในแอฟริกากลาง เมืองนี้มีสถิตินักท่องเที่ยวโดนทำร้ายและปล้นทรัพย์บ่อยครั้ง จนทางการต้องประกาศเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังโดนทำร้ายร่างกายเพื่อแย่งชิงรถ และไม่ให้ออกมาเดินตามท้องถนนในยามค่ำคืน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้าไปยังเมืองนี้ก็คือ ชายหาดสวยๆ และเหมาะแก่การเล่นเซิร์ฟหลายแห่งนั่นเอง

หมายเหตุ - สาธารณรัฐคองโก (Republic of the Congo: ROC) หรือ คองโก-บราซซาวิล เป็นคนละประเทศกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก มีอาณาเขตจรดประเทศกาบอง แคเมอรูน สาธารณรัฐแอฟริกากลาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก แองโกลา และอ่าวกินี - วิกิพีเดีย
อันดับ 6 เมืองซานา สาธารณรัฐเยเมน
ซานา เป็นเมืองหลวงของประเทศเยเมน มีประชากรอาศัยอยู่ราว 2 ล้านคน นอกจากตึกระฟ้าและอาคารบ้านเรือนที่ทันสมัยแล้ว เมืองนี้ยังเต็มไปด้วยโบราณสถานและสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่มากมาย องค์การยูเนสโกจึงประกาศให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) แต่หลังเกิดเหตุการณ์ทำร้ายชาวต่างชาติ และระเบิดสถานทูตสหรัฐ เมื่อไม่นานมานี้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปในเมืองซานาน้อยมาก

หมายเหตุ - สาธารณรัฐเยเมนตั้งอยู่ในคาบสมุทรอาหรับ ในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ และเป็นส่วนหนึ่งของตะวันออกกลาง มีชายฝั่งจรดทะเลอาหรับและอ่าวเอเดนทางด้านทิศใต้ จรดทะเลแดงทางทิศตะวันตก มีพรมแดนทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือติดต่อกับโอมาน ส่วนพรมแดนด้านอื่น ๆ ติดกับซาอุดีอาระเบีย - วิกิพีเดีย

อันดับ 5 เมืองคาร์ทูม สาธารณรัฐซูดาน
คาร์ทูม เป็นเมืองหลวงของรัฐคาร์ทูมและประเทศซูดาน ตั้งอยู่บริเวณที่มีการบรรจบกันของแม่น้ำไวท์ไนล์ ซึ่งไหลมาจากทะเลสาบวิกตอเรีย และแม่น้ำบลูไนล์ที่ไหลมาจากประเทศเอธิโอเปีย ตัวเมืองมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2,207,794 คน

ปัจจุบัน ซูดานยังคงมีปัญหาความไม่สงบและมีการสู้รบกันภายในประเทศ เป็นเหตุให้มีประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก

หมายเหตุ - ซูดาน เป็นประเทศที่มีพื้นที่มากที่สุดในทวีปแอฟริกา และมีพื้นที่มากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีป มีพรมแดนทางทิศเหนือติดกับประเทศอียิปต์ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดทะเลแดง ทิศตะวันออกติดกับเอริเทรียและเอธิโอเปีย ทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับเคนยาและยูกันดา ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับคองโกและสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ทิศตะวันตกติดกับประเทศชาด และทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับลิเบีย ปัจจุบันซูดานกลายเป็นประเทศที่ขาดความมั่นคงตามดัชนีความเสี่ยงของการเป็นรัฐที่ล้มเหลว เพราะปกครองแบบเผด็จการทหารและมีการก่อสงครามในเขตดาร์ฟูร์ - วิกิพีเดีย
อันดับ 4 เมืองบราซซาวิล สาธารณรัฐคองโก
บราซซาวิล เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของ "สาธารณรัฐคองโก" มีประชากร อาศัยอยู่ราว 1 ล้านคน เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคองโก โดยมีกินชาซ่า เมืองหลวงของ "สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก" ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฝั่งตรงกันข้าม บราซซาวิลถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1880 (พ.ศ. 2423) โดยนักสำรวจชาวยุโรปที่ชื่อ "ปิแอร์ เซเวอร์แกน เดอ บราซซา" อุตสาหกรรมหลักของเมืองนี้ คือ สิ่งทอ และการ ฟอกหนัง
อย่างไรก็ตาม เมืองนี้มักเกิดปัญหาความขัดแย้งและมีเหตุการณ์นองเลือดบ่อยครั้ง นับตั้งแต่ยุคปี 90 เป็นต้นมา ทั้งความขัดแย้งระหว่างฝ่ายรัฐบาลและผู้ก่อการจราจล รวมถึงความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเหตุให้มีประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงเกิดการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานเพื่อหนีภัยสงครามในที่สุด
อันดับ 3 เมืองเอ็นจาเมนา สาธารณรัฐชาด (Chad)
เมืองเอ็นจาเมนา ถูกค้นพบโดยชาวฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1900 (พ.ศ. 2443) ปัจจุบัน เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศชาด มีประชากรอาศัยมากกว่า 700,000 คน

อันที่จริงเมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามหลายแห่ง น่าเสียดายที่มักเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบและเกิดปัญหาการจราจลบ่อยครั้ง (เหตุการณ์นองเลือดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว) ทำให้คิดอันดับเมืองไม่น่าอยู่เป็นอันดับ 3 ของโลก

หมายเหตุ -สาธารณรัฐชาด เป็นประเทศในแอฟริกากลางที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ทิศเหนือจรดประเทศลิเบีย ทิศตะวันออกจรดประเทศซูดาน ทิศใต้จดสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดประเทศแคเมอรูนและไนจีเรีย ส่วนทิศตะวันตกจรดประเทศไนเจอร์ - วิกิพีเดีย

อันดับ 2 เมืองบังกี สาธารณรัฐแอฟริกากลาง
เมืองบังกี เดิมเป็นที่ตั้งทางการทหารของประเทศฝรั่งเศส และเป็นศูนย์กลางการปกครองนับตั้งแต่ยุคโคโลเนียลจวบจนกระทั่งปัจจุบัน เมืองนี้มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 5 แสนคน โดยมีอุตสาหกรรมหลัก คือ สิ่งทอ สบู่ และเบียร์ ที่สำคัญ โบราณสถานซึ่งมีอยู่มากมายทั้งในและรอบนอกเมืองบังกี ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก สาขาวัฒนธรรม จากองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2006

สิ่งที่ทำให้บังกี-ติดอันดับรองแชมป์เมืองไม่น่าอยู่ที่สุดในโลกคือ เหตุการณ์ความไม่สงบและปัญหาความรุนแรงที่มักเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปีนั่นเอง
หมายเหตุ - สาธารณรัฐแอฟริกากลาง เป็นประเทศในแอฟริกากลางที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ทิศเหนือจรดประเทศชาด ทิศตะวันออกจรดประเทศซูดาน ทิศใต้จรดสาธารณรัฐคองโก และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ส่วนทิศตะวันตกจรดประเทศแคเมอรูน - วิกิพีเดีย
อันดับ 1 เมืองแบกแดด สาธารณรัฐอิรัก
แบกแดด เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศอิรัก ทั้งยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอาหรับ (รองจากไคโร) และใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ (รองจากกรุงเตหะราน) มีประชากรอาศัยในเขตเมืองมากกว่า 6.5 ล้านคน

เมืองแบกแดด ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางด้านวิทยาการและวัฒนธรรม เพราะได้รับมรดกด้าน ตัวเลข ตัวอักษร ดวงดาว โหราศาสตร์ และการแพทย์ มาจากรุ่นบรรพบุรุษ

ที่ผ่านมามักเกิดสงครามและเหตุการณ์ไม่สงบบ่อยครั้งในเมืองแบกแดด (ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ สมาชิกรัฐสภาอิรัก เพิ่งถูกลอบยิงเสียชีวิต) แม้เหตุการณ์ต่างๆ จะเริ่มเบาบางลง แต่การโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นระยะ จนดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ ทำให้เมืองนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ไม่น่าอยู่อาศัยที่สุดในโลก จากผลการสำรวจของ Mercer

หมายเหตุ - อิรัก เป็นประเทศในแถบตะวันออกกลาง ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ มีพื้นที่ครอบคลุมส่วนใหญ่ของเมโสโปเตเมีย มีพรมแดนร่วมกับซาอุดีอาระเบียและคูเวตทางด้านทิศใต้ ติดตุรกีทางด้านทิศเหนือ ติดกับซีเรียทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับจอร์แดนทางทิศตะวันตก และติดอิหร่านทางด้านทิศตะวันออก - วิกิพีเดีย

เมืองใต้นำ

รายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ
ประมาณ พ.ศ. 2563 อัพเดทล่าสุด คาดเดาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ฟ สหรัฐอเมริกาน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เมืองที่อยู่ริมชายฝัง , เกาะ , เมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่าน อาจจมน้ำได้ปริมาณน้ำที่เคยเป็นหิ้งน้ำแข็ง และที่เคยหักเป็นก้อนอยู่ในทะเลในฤดูหนาวนั้นมีปริมาณหลายพันลูกบาศก์กิโลเมตร ซึ่งมากพอที่จะเพิ่มระดับน้ำทะเลให้สูงกว่าเดิมถึง 6,400 นิ้ว หรือ 16,000 เซนติเมตร หรือ 160 เมตร ในปี ค.ศ. 2020 หรือ พ.ศ. 2563 นั้นแสดงว่า ไอพีซีซี คำนวณการเพิ่มของระดับน้ำทะเลพลาดไป 1 เท่าตัว เพราะไม่ได้เอาปัจจัยหิ้งน้ำแข็งมาคำนวณ จากผลการศึกษาชุดล่าสุดของนักวิ ทยาศาสตร์ชาวยุโรปทั้ง 3 คนนี้ คาดว่า เร็วๆนี้ ไอพีซีซี คงจะออกมาชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยตัวใหม่ที่ส่งผลถึงการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลก ' สรุประดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นถึง 160 เมตรทั่วโกล ดร.จิรพล กล่าว รายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ 160 เมตร ประมาณ พ.ศ. 2563 1. นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 24,857,000 คน 2. ฟิลาเดนเฟีย สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 7,452,300 คน 3. ลอส แอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 16,927,620 คน 4. โทรอนโต แคนาดา ประชากรประมาณ 9,258,400 คน 5. ออสตาวา แคนาดา ประชากรประมาณ 12,638,450 คน 6. ฮาวานา คิวบา ประชากรประมาณ 7,524,000 คน อเมริกาใต้ 7. การากัส เวเนซุเอรา ประชากรประมาณ 12,856,000 คน 8. บัวโนสใฮเรส อาร์เจนตินา ประชากรประมาณ 5,492,000 คน 9. โบโกตา โคลอมเบีย ประชากรประมาณ 14,584,900 คน 10. เซาเปาลู บราซิล ประชากรประมาณ 8,243,000 คน 11. ซาติเอโก ชิลี ประชากรประมาณ 11,859,200 คน ไปดูยุโรปบ้าง 12. ลอนดอน อังกฤษ ประชากรประมาณ 18,672,000 คน 13. เฮงซิงกิ ฟินแลนด์ ประชากรประมาณ 7,473,600 คน 14. ปารีส ฝรั่งเศส ประชากรประมาณ 17,253,000 คน 15. สตอสโฮร์ม สวีเดน ประกรประมาณ 12,854,000 คน 16. อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ประชากรประมาณ 8,967,000 คน 17. ดับลินไอร์แลนด์ 4,982,400 คน ไปดูแถบเอเชียบ้านเรากัน 18. โตเกียว ญี่ปุ่น ประชากรประมาณ 34,749,000 คน 19. นางาซากิ ญี่ปุ่น ประชากรประมาณ 21,746,450 คน 20. โซล เกาหลีใต้ ประชากรประมาณ 9,255,000 คน 21. ไทเป ใต้หวัน ประชากรประมาณ 18,792,000 คน 22. เซี่ยงไฮ้ จีน ประชากรประมาณ 16,482,900 คน 23. ฮ่องกง จีน ประชากรประมาณ 17,784,000 คน 24. ฮานอย เวียดนาม ประชากรประมาณ 15,644,200 คน 25. กรุงเทพมหานคร ไทย ประชากรประมาณ 11,584,700 คน 26. สิงคโปร์ซิตี้ สิงคโปร์ ประชากรประมาณ 3,257,000 คน 27, ย่างกุ้ง พม่า ประชากรประมาณ 4,922,000 คน ลงไปออสเตรเลีย 28. ซิดนี่ย์ ออสเตรเลีย ประชากรประมาณ 18,351,400 คน 29. วิกตรอเรีย ออสเตรเลีย 8,445,000 คน 30. เวงลิงตัน นิวซีแลนด์ ประชากรประมาณ 4,799,520 คน และบ้านเราก็คือ กรุงเทพมหานคร นะค่ะ

10อันดับคณะมาแรงงง...

ลำดับที่มหาวิทยาลัยคณะ/สาขาวิชา
1จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ---คณะครุศาสตร์
2จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ---คณะเศรษฐศาสตร์
3มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ---คณะเศรษฐศาสตร์
4มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ---คณะนิติศาสตร์ พื้นฐานวิทยาศาสตร์
5จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ---คณะนิเทศศาสตร์ พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 1
6มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ---คณะเศรษฐศาสตร์ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์
7จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ---คณะเภสัชศาสตร์
8มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ---คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 1
9จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ---คณะวิทยาศาสตร์
10จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ---คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์

ที่มา:EZPlus2010 ข้อมูลได้มาจากการรวบรวมจำนวนคนคลิกในรอบ 10 วัน ที่สมาชิกเข้ามาใช้บริการหาข้อมูลและประเมินโอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัยใน www.eduzones.com ปล.เพื่อนๆ ไปโหลดโปรแกรมมาใช้กันได้นะ ของฟรีด้วย

10อันดับค

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ไว้อาลัยให้กับเพื่อนรัก

น.ส.วันวิสา หยกรัตนเจริญ ชื่อเล่น นิ้ง
ขอไว้อาลัยให้กับเพื่อนรักและแสนดี
เพื่อนคนนี้จะไม่มีวันลืมนิ้งตลอดไป

วิธีการจำคำศัพท์

---จัดศัพท์เป็นหมวดหมู่ เช่น คำที่มีความสัมพันธ์กัน หรือมีความหมายตรงข้ามกัน จะช่วยให้จำศัพท์ได้ง่ายขึ้น อาจจดบันทึกใส่สมุดที่พกพาได้ เพื่อความสะดวกเมื่อต้องหยิบมาท่องในเวลาว่าง
---นำศัพท์มาใช้บ่อย ๆ ทำให้เกิดความเคยชิน จะจำได้แม่นยำขึ้น จากนั้นลองแต่งประโยคจากคำเหล่านั้น เพื่อฝึกการเรียบเรียงประโยค
---จำศัพท์จากการออกเสียง อาทิ คำที่ออกเสียงคล้าย ๆ กัน นอกจากจะช่วยให้นึกถึงความหมายได้ง่ายแล้ว ยังได้รู้หลักการออกเสียงที่ถูกต้อง
---ท่องศัพท์ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 10 คำ และหมั่นทบทวนบ่อย ๆ ให้คุ้นเคย หากมีโอกาสสนทนากับคนพูดภาษาอังกฤษ ควรลองนำศัพท์ไปใช้ในสถานการณ์จริง
---ฝึกฟัง-อ่านภาษาอังกฤษจากข่าวหรือหนังสือต่าง ๆ แล้วสังเกตหาศัพท์ที่เคยท่อง จะช่วยให้เข้าใจเรื่องราวโดยรวมของเรื่องที่อ่านได้เร็วขึ้น
อย่าลืม เจอฝรั่ง เข้าไปทักทายบ่อยๆ ก็เป็นการฝึกภาษาอังกฤษอีกแบบ :)

คณะกับตัวเอง

คณะที่แนะนำ
แนะนำเพิ่มเติม
คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์
ลักษณะของคุณเหมาะกับการเป็นหมออย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นหมอคน หมอฟัน หรือหมอสัตว์ คุณน่าจะใส่ใจในการเรียนให้มากกว่านี้ และพยายามสอบเรียนต่อใน 3 คณะนี้ให้ได้ เพราะเหมาะกับคุณจริงๆ
คณะสหเวชศาสตร์/เทคนิคการแพทย์ สาขากายภาพบำบัดสาขากิจกรรมบำบัด
ถ้าคุณอยากเรียนเทคนิคการแพทย์ ให้เลือก 2 สาขานี้ น่าจะเหมาะกับคุณมากกว่าสาขาอื่นๆ
คณะพยาบาลศาสตร์
ลักษณะของคุณเรียนคณะนี้ได้
คณะเภสัชศาสตร์
ถ้าคุณเรียนคณะนี้ คุณเหมาะกับการเป็นเภสัชกรในด้านงานวิจัยยา ผลิตยา มากกว่าการขายยา
คณะเกษตรศาสตร์ สาขาการจัดการศัตรูพืชสาขาเคมีการเกษตร
ถ้าคุณมั่นใจว่าชอบทางด้านเกษตร แนะนำให้เลือก 2 สาขานี้ เพราะเหมาะกับคุณมากกว่าสาขาอื่นๆ


!!!อย่ายึดติดกับเว็บนะคร้า

11อย่างที่ต้องทำก่อนจบม.6

11 สิ่งที่ต้องทำก่อนจบ ชีวิตนักเรียน ม.6 !!!!

1.สอบให้ได้เกรดเฉลี่ย 4.00 สักครั้งในชีวิตนักเรียน
2.บอกรักรุ่นน้องที่เราแอบรักมานาน แล้วชวนไปเที่ยวด้วยกัน > < ( ถ้าไม่มี ดูข้อ 2.1 )
2.1 บอกรักเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เราแอบชอบอยู่ เพราะปีหน้าก็จะจบแล้วน้ะจ้ะ ( ถ้าเพื่อนร่วมห้อง ดูข้อ 2.2 )
2.2สารภาพความในใจเพื่อนร่วมห้องที่เราแอบชอบ ไม่ว่าเราจะรักเขาแบบไหน แล้วเขาเป็นเพศอะไรก็ตาม แต่ก็บอกความจริงในใจไม่เถอะ ถ้าไม่บอกออกไป โอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันอาจไม่หวนมาตลอดชีวิต แล้วจะมานั่งนึกเสียใจทีหลังน้ะ (อันนี้เคยเกิดกะหลายๆคนแล้ว)
3.โดดเรียนวิชาที่อาจารย์โหดหินสุดๆสักครั้ง !!
4. พาเพื่อนๆทั้งหลายแล้วนำพวงมาลัย มาขอขมาอาจารย์ที่พร่ำสอนสักครั้ง
5. นัดกับเพื่อนๆทั้งห้องไปเที่ยวและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเอาไว้ เพราะอีกหน่อย เมื่อเราได้ไปในสถานที่แห่งนั้นอีกครั้ง ความทรงจำที่เราเคยมากับเพื่อนทั้งห้อง ไม่ว่าจะนานผ่านไป 1 2 3 5 10 ปีก็ยังอยู่ตรงนั้นตลอดไป
6. รีบเขียนเฟรนด์ชิพซะ !! ห้ามลืมเลยรู้มั้ย สำคัญมากๆ ข้อนี้สุดๆ
7.ขึ้นไปนำร้องเพลงเคารพธงชาติ หน้าเสาธงสักครั้ง / หรือออกไปพูดหน้าเสาธงว่า "ผมรักเพื่อนๆ คุณครูทุกคน และ รร.นี้ครับ" กล้ามั้ยล่ะ ?
8.ถ่ายรูปกับคนที่เราแอบปลื้มในวันจบการศึกษา งานปัจฉิม
9. รวมพลคน ม.6 ทำความสะอาด รร. ครั้งใหญ่สักครั้ง เป็นการตอบแทนก่อน จะจบจากโรงเรียน ไป
10.ร้องเพลงเหล่านี้ กับเพื่อนๆสักครั้งก่อนจะอำลาจากกันไป (น้ำตาท่วม)
กว่าจะรัก –XYZ (ซึ้งมากๆเพลงนี้) /
หัวใจผูกกัน – บอย /
เราและนาย – เสก โลโซ /
highschool never end – Bowling for Soup (ถ้าพวกอินเตอร์)
11.เก็บรวบรวมความทรงจำดีๆ ที่ได้รู้จักกับเพื่อน อาจารย์ รวมทั้งประสบการณ์ที่ได้จากโรงเรียนแห่งนี้ ที่ได้รู้จักบทเรียนต่างๆ ได้สุข ได้ทุกข์ หัวเราะ และ ร้องไห้ แล้วเก็บมันไว้ในหัวใจตลอดไป

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เทคนิคการทำ--->GAT

ผมเรียนที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย ลพบุรีอ่ะครับ ผมชื่อฟ้านะ อยู่ ห้อง 6/15 รุ่น 110 คือผมได้เห็นเพื่อนผมคนนึง( สมมุติว่าชื่อ หนึ่ง )มันไม่เข้าใจข้อสอบอ่านคิดวิเคราะห์มันจึงไปข้อร้องให้เพื่อนผมอีกคนนึง( สมมุติว่าชื่อ สอง )ช่วยอธิบายให้ เพราะสองเนี่ยมันได้อ่านคิดวิเคราะห์เยอะก็เห็นมันคุยจังเลยว่ามันเก่ง( ชิ!!หมั่นไส้ -*- ) แต่สองมันไม่ยอมสอนหนึ่ง มันบอกว่า "กุไม่สอนหรอก เด๋วมาแย่งกุเข้าจุฬา มืงเก่งอังกิดกว่ากุ กุไม่สอนหรอก" ผมอยู่ในเหตุการณ์ ผมโมโหมากๆๆ อยากจะกระทืบเจงๆ ถ้ามันไม่เป็นผู้หญิงกุตบคว่ำและ ผมเลยอาสาสอนให้หนึ่งเอง ผมก็ไม่ได้เก่งเท่าไหร่หรอก สอบGAT 3ช.ม. ผมอ่านวิธีทำ โจทย์อ่านคิดวิเคราะห์อยู่ครึ่งชั่วโมงกว่า แล้วในใจคิดว่า "โจทย์ไรวะเนี่ย เกิดมาไม่เคยเจอะเจอ ทำผิดติดลบอีก จะเอาคะแนนมาจากไหนล่ะนี่ โถ!! ชีวิต " ต่อมาผมก็ติดตามข่าวก็ทราบว่า มีคนได้อ่านคิดวิเคราะห์กันน้อยมาก เพราะตอบผิดช่องไม่ได้เรียงคำตอบจากเลขน้อยไปหาเลขมาก ทำไม่เป็น ต่างๆนาๆ ผมจึงคิดว่า อยากให้เพื่อนๆในรุ่น คนพันธุ์ แอสมิสชั่น -*- ปี53 ทำอ่านคิดวิเคราะห์กันได้เยอะๆ นั่นแน๊ะ คงจะคิดในใจว่า ตานี่ ได้คะแนนเท่าไหร่กันเชียว ทำเป็นจะมาสอน หรือไม่ก็คงจะเทพ ป่าวหรอก ผมได้ อ่านคิดฯ 135 เต็ม150 เท่านั้นเอง ฟลุ๊คมั๊ง -*- มาๆ มาลองดูวิธีคิดในแบบของผมกัน เผื่อเพื่อนๆ จะนำไปปรับใช้ได้ยังไงก็มันแสดงความคิดเห็นแบ่งกันมั่งเน้อ นอกเรื่องมามากพอ เริ่มกันเล๊ยยย _______________________________________________________________________โจทย์จะหนดคำสั่งอย่างนี้มาเสมอนะครับคำสั่ง อ่านบทความที่กำหนดให้ ( ในบทความมีข้อความที่พิมพ์ด้วยอักษรตัวเข้ม ) แล้วสรุปความเชื่อมโยงข้อความที่กำหลดแต่ละข้อความที่เหลือให้สอดคล้องกับเนื้อหาในบทความ และเป็นไปตามเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ 1.ถ้าข้อความที่กำหนดมีข้อความอื่น ( ซึ่งอาจมีได้หลายข้อความ ) ที่ เป็นผลโดยตรง หรือ เกิดขึ้นในเวลาต่อมา ให้เติมตัวเลขประจำของข้อความอื่นที่สัมพันธ์และตามด้วย A 2.ถ้าข้อความที่กำหนดมีข้อความอื่น ( ซึ่งอาจมีได้หลายข้อความ )เป็นส่วนประกอบ / องค์ประกอบ / ความหมาย ให้เติมตัวเลขประจำของข้อความอื่นที่สัมพันธ์และตามด้วย D 3.ถ้าข้อความที่กำหนดส่งผลทำให้ข้อความอื่น (ซึ่งอาจมีได้หลายข้อความ ) ถูกลด/ยับยั้ง/ป้องกัน/ห้าม/ขัดขวาง/บั่นทอน ให้เติมตัวเลขประจำของข้อความอื่นที่สัมพันธ์และตามด้วย F 4.ถ้าข้อความที่กำหนด ไม่มีข้อความอื่นที่เป็นผลโดวยตรง หรือเกิดขึ้นในเวลาต่อมา ไม่มีข้อความใดมาเป็นส่วนประกอบ องค์ประกอบ ความหมาย สมาชิก ยับยั้ง ห้าม ขัดขวาง ดังกล่าวข้างต้น ให้เติม 99H จะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆในภาษาของผมนะครับ----------------------ทำความเข้าใจง่ายๆเกี่ยวกับคำสั่งข้อที่1--------------------- คำสั่งข้อที่1 เนี่ยนะครับ หมายความว่า ถ้าข้อความที่กำหนดให้นั้น ได้เป็นเหตผลทำให้โดยตรง ทำให้เกิดอะไรขึ้นตามมาในเวลาต่อมา ได้เป็นเหตุให้เกิดผล พูดง่ายๆ ไป ทำไร ให้ใครบางคนเป็นไรอย่างเงี๊ยะ หรือ ไปทำอย่างนั้นมา แล้วผู้หญิงก็ท้องในเวลาต่อมาว่างั้นก็ได้ (ลามกอีกแล้ว -*-) ยกตัวอย่าง Ex.1 บทความว่า นายดำ (1)ขี้เกียจอ่านหนังสือ นายดำจึง (2)เอนท์ไม่ติด คำตอบ ข้อ ข้อความที่กำหนด รหัสคำตอบ 1 ขี้เกียจอ่านหนังสือ 02A 2 เอนท์ไม่ติด 99H เหตุที่ข้อ 1 ตอบ 02A เพราะว่า ข้อความที่ 1 เป็นเหตุให้เกิด ข้อความที่ 2 ซึ่งเป็นผลในเวลาต่อมานั่นเองครับ เหตุที่ข้อ 2 ตอบ 99H เพราะว่า ข้อความที่ 2 ไม่ได้เป็นเหตุให้เกิดผลอะไรตามมา ข้อความที่2 เป็นเพียงแค่ผลอันสิ้นสุดของบทความนี้แล้ว ------------------ทำความเข้าใจง่ายๆเกี่ยวกับคำสั่งข้อที่2----------------------- คำสั่งข้อที่2 เนี่ยเค้าหมายความว่า ถ้าข้อความความที่กำหนดให้นั้น มีข้อความอื่นมาเป็นองค์ประกอบ ส่วนประกอบ สมาชิก ของข้อความที่กำหนดให้ หรือ มีข้อความอื่นมาเป็น ความหมาย ของข้อความที่กำหนดให้ หรือข้อความที่กำหนดให้เป็นเซตที่มีสมาชิกอยู่ พูดง่ายๆคือ "แม่"มีลูก2คนชื่อ "กอล์ฟ ก่ะ ไมค์" หรือ ความหมายของ Bird ก็คือ นก ไรงี้อ่ะครับ ยกตัวอย่าง Ex.2 บทความว่า ใน (1)สวนสัตว์ มี (2)หมีแพนด้า (3)หมู (4)ลิง คำตอบ ข้อ ข้อความที่กำหนด รหัสคำตอบ 1 "สวนสัตว์" 02D 03D 04D {ถ้ามีคำตอบมากกว่า1ให้เรียงเลขจากน้อยไปหามาก} 2 "หมีแพนด้า" 99H 3 "หมู" 99H 4 "ลิง" 99H เหตุที่ข้อ1 ตอบ 02D 03D 04D เพราะว่า ข้อความที่1 มี ข้อความที่2,ข้อความที่3,ข้อความที่4 มาเป็นองค์ประกอบ,สมาชิก,ส่วนประกอบให้ข้อความที่กำหนดให้ เหตุที่ข้อ 2,3,4 ตอบ 99H เพราะว่า ข้อความที่2,3,4 เหล่านี้ " ไม่ได้ " มี ข้อความใดมาเป็นสมาชิก,องค์ประกอบให้ ข้อความเหล่านี้เป็นเพียงสมาชิก หรือตัวลูก เป็นแค่ข้อย่อยสุด เป็นแค่สมาชิกของเซต มิได้เป็นหัวข้อใหญ่ นั่นเอง---------------------ทำความเข้าใจง่ายๆเกี่ยวกับคำสั่งข้อที่3------------------------คราวนี้ในคำสั่งข้อที่ 3 นะครับหมายความว่า ข้อความที่กำหนดให้เนี่ย เป็นผู้กระทำ หรือส่งผลให้ "ยับยั้ง,บั่นทอน,ป้องกัน,ขัดขวาง ต่อข้อความอื่น อย่างเช่น " เขื่อน ป้องกัน น้ำท่วม " ไรงี้นะครับ ยกตัวอย่าง Ex.3 บทความว่า (1)การสูบบุหรี่ บั่นทอน (2)สุขภาพร่างกาย ทำให้ตายไวนะจ๊ะ คำตอบ ข้อ ข้อความที่กำหนด รหัสคำตอบ 1 การสูบบุหรี่ 02F 2 สุขภาพร่างกาย 99H เหตุที่ข้อ1 ตอบ 02F เพราะว่า ข้อความที่ 1 ได้เป็นผู้กระทำหรือส่งผลให้เกิดการ ยับยั้ง / ห้าม / บั่นทอน / ขัดขวาง ต่อ ข้อความที่ 2 สังเกตุจากคำว่า "บั่นทอน" เหตุที่ข้อ2 ตอบ 99H เพราะว่า ข้อความที่2 ไม่ได้ กระหรือส่งผลให้เกิดการ ยับยั้ง บั่นทอน ขัดขวาง ข้อความใดๆ หรือ เป็นข้อความหรือเหตุการณ์สุดท้าย-----------------ทำความเข้าใจง่ายๆเกี่ยวกับคำสั่งข้อที่4----------------------- ในสั่งข้อที่4 นี้นะครับ มีลักษณะ ต่างจากค่ำสั่งข้ออื่นๆที่ผ่านมา คือ ข้อความที่กำหนดให้ไม่ได้เป็นเหตุ อาจเป็นแค่ผลก็ได้ ไม่ได้เป็นหัวข้อใหญ่ อาจเป็นหัวข้อย่อยสุดก็ได้หรือเป็นแค่องค์ประกอบของข้อความอื่นก็ได้ เป็นเหตุการณ์สุดท้าย ไม่ได้ไป ยับยั้ง ขัดขวาง ห้าม หรือบั่นทอน ข้อความใดๆ ** สังเกตุง่ายๆจากตัวอย่าง 1,2,3 ที่ตอบ 99H *** ยกตัวอย่าง Ex.4 บทความว่า (1)นายดำและนายแดง เป็นสมาชิก (2)ห้อง15 คำตอบ ข้อ ข้อความที่กำหนด รหัสคำตอบ 1 นายดำและนายแดง 99H 2 ห้อง15 01D เหตุที่ข้อ1 ตอบ 99H เพราะว่า ข้อความที 1 ไม่ได้เป็นหัวข้อใหญ่หรือเซตแต่เป็นเพียงหัวข้อย่อยสุดหรือสมาชิกในเซต (ไม่เข้าใจดูข้อ2) ไม่ได้ไปยับยั้ง ขัดขวางข้อความใด ไม่ได้เป็นเหต ให้ข้อความอื่นใดมากเป็นผล เป็นข้อความหรือเหตุการณ์สุดท้าย เหตุที่ข้อ2 ตอบ 01D เพราะว่า นายดำและนายแดงเป็นสมาชิกในห้อง15อ๊ะ ****ข้อควรจำ***1. เวลาอ่านบทความเสร็จต้องเชื่อบทความ ถ้าบทความบอกว่าคนบินได้ก็ต้องเชื่อครับ อย่ายึดหลักความจริงนี่ไม่ใช่วิชาคณิตศาสตร์2. จะใส่ตัวอักษรA,D,F ให้สังเกตุคำ ด้วย เช่น บั่นทอน ต่อมาได้เกิด ทำให้ ป้องกัน ขัดขวาง ประกอบด้วย ฯลฯ เน้น*** ต้องสังเกตุคำ3. -?. xxA ต้องเอาเลขประจำข้อความที่เป็นผลมา ตอบในข้อของ ข้อความที่ข้อเหตุ -?. xxD ต้องเอาเลขของข้อความที่เป็นองค์ประกอบ/สมาชิก/ตัวลูก มาตอบในข้อของ ข้อความที่เป็นตัวแม่/หัวข้อหลัก -?. xxF ต้องเอาเลขของข้อความที่เป็นข้อความที่ถูกกระทำ มาตอบในข้อของ ข้อความที่เป็นผู้กระทำ ผู้ยับยั้ง บั่นทอน4. ข้อสอบที่เป็นบทความยาวๆ มักจะมีข้อความที่กำหนดให้ซ้ำอยู่หลายตำแหน่ง แต่โจทย์จะเน้นเป็นตัวหนาให้เพียงตำแหน่งแรกครั้งเดี่ยว สังเกตุดีๆอย่าอ่านข้าม5. กรณีที่บางข้อมีคำตอบมากกว่าหนึ่งคำตอบให้เรียงจาก เลขน้อยไปหามาก เช่น 02A 04D 05F6.โจทย์จริงจะไม่มีเลขหน้าข้อความที่กำหนดในบทความให้นะครับอันนั้นผมติ๊กไว้ให้เพื่อความชัดเจน เวลาทำจริงๆต้องดูเลขข้อจากตารางแล้วไปติ๊กในโจทย์เอาเอง ส่วนมากโจทย์จะเรียงเลขตั้งแต่1เป็นต้นไปให้ แต่ถ้าเจอโจทย์แบบยาวๆแล้วยังใจร้ายไม่เรียงเลขจาก1ให้ อย่างโจทย์ที่ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆให้ในข้อข้างล่างครับ-------------------------------โจทย์ ง่ายๆ เรียกน้ำย่อย -------------------------------เด๋วจะทำให้ดู บทความตัวอย่าง : นักเรียนดี นักเรียนดี เป็นอย่างไร หากจะกล่าวอย่างสั้นที่สุดก็คือนักเรียนดีจะต้องมีคุณสมบัติหรือองค์ประกอบอย่างน้อย 2 อย่างคือ เรียนเก่ง และ เป็น คนดี เหตุปัจจัยที่ส่งผลให้นักเรียนเป็นนักเรียนดีมีหลายอย่างเช่น พื้นฐานจิตใจนักเรียน คุณภาพการเรียนการสอน คุณภาพอาจารย์ผู้สอน คุณภาพสถานศึกษา สำหรับคุณภาพการเรียนการสอนนั้น นอกจากเรื่องห้องสมุด อาคารสถานที่ อุปกรณ์ สื่อการศึกษา ฯลฯ ยังขึ้นอยู่กับ คุณภาพอาจารย์ ด้วย นอกจากนี้ จะต้องรู้จักระวังหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อตนเอง เช่น การคบเพื่อนเลว เพราะย่อมสามารถลดหรือบั่นทอนความเป็นคนดีได้โดยง่าย แผนผังวิธีคิด ตารางคำตอบ ลองคิดดูนะครับว่าทำไมถึงตอบอย่างนี้--------------------มาลองทำโจทย์ของจริงกันนะ------------------------------โอยย ง่วง ชะมัด ถ้าพิมพ์ผิดก็ขอโทษด้วยจริง คนพิมพ์เบลอแล้ว ง่วงมากมาย บทความที่1 : "ชิคุนกุนยา"ไวรัสสายพันธ์ใหม่แพร่จากยุงลาย ระบาดอีกแล้ว!!! โรคที่มาพร้อมกับยุง...เมื่อบอกอย่างนี้หลายคนคงนึกถึงโรคไข้เลือดออก ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ไข้มาเลเรีย ที่มียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรค แต่ที่น่าตกใจเพราะตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่นี้เท่านั้นแต่กลับมีโรคที่มีชื่อแปลกๆ ว่า "ชิคุนกุนยา" มาทำความรำคาญและแพร่ระบาดหนักอยู่ในภาคใต้ของประเทศเราอยู่ สถานการณ์ล่าสุด!!! หลังจากพบผู้ป่วยที่มีอาการเหมือนติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา ใน 2 จังหวัดภาคใต้ คือจังหวัดนราธิวาสและปัตตานี ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค เร่งส่งเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งทีมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่และเฝ้าระวังโรคดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อหาทางยุติการแพร่ระบาทของโรคนี้ เชื่อได้เลยว่าหลายคนคงยังไม่คุ้นหูกับโรคชิคุนกุนยา ไม่รู้ว่ามันเป็นโรคอะไร???? บ้างก็แตกตื่นว่าเป็นโรคสายพันธ์ใหม่ แต่จริงๆแล้วโรคนี้มีมานานแล้ว โดยถิ่นกำเนิดแรกของมันอยู่ทวีปแอฟริกา และแพร่ระบาดไปหลายประเทศๆ ทั่วโลก หนึ่งในนั้นก็รวมประเทศไทยของเราด้วยซึ่งตรวจพบโรคชิคุนกุนยาครั้งแรกพร้อมกับที่มีโรคไข้เลือดออกระบาดและเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย น.พ.หม่อมหลวง สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ออกมาบอกถึงโรคดังกล่าวว่า"โรคชิคุนกุนยา"เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยามียุงลายเป็นพาหะนำโรค ส่วนใหญ่แล้วในเด็กจะมีอาการไม่รุนแรงเท่ากับผู้ใหญ่ ซึ่งอาการที่เด่นชัดในผู้ใหญ่คือ อาการปวดข้อ ซึ่งอาจพบข้ออักเสบได้ส่วนใหญ่จะเป็นที่ข้อเล็กๆ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า อาการปวดข้อจะพบได้หลายๆ ข้อเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ (migratory polyarthritis) อาการจะรุนแรงมากจนบางครั้งขยับข้อไม่ได้ อาการจะหายภายใน 1-12 สัปดาห์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อขึ้นได้อีกภายใน 2-3 สัปดาห์ต่อมา และบางรายอาการปวดข้อจะอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี ไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุ่นแรงถึงช็อก ซึ่งแตกต่างจากโรคไข้เลือดออก ที่อาจพบ tourniquet test ให้ผลบวก และจุดเลือดออก (petichiae) บริเวณผิวหนังได้ สาเหตุการติดต่อ!! โรคนี้ติดต่อกันได้โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ เมื่อยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดผู้ป่วยที่อยู่ในระยะไข้สูง ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือด เชื่อไวรัสจะเข้าสู่กระเพาะยุงและเพิ่มจำนวนมากขึ้น แล้วเดินทางเข้าสู้ต่อมน้ำลายเมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัดทำให้คนๆนั้นเกิดอาการของโรคได้ ระยะการฟักตัว!!! โดยทั่วไปจะมีการฟักตัวประมาณ 1-12 วัน แต่ที่พบบ่อยประมาณ 2-3 วัน ระยะติดต่อคือระยะไข้สูงประมาณวันที่ 2-4 ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือดมาก สำหรับอาการ ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลัน ร่วมกับอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกหรือข้อ ปวดศรีษะ ปวดกระบอกตา หรือมีเลือดออกตามผิวหนัง และอาจมีอาการคันร่วมด้วย พบตาแดงที่ไม่ค่อยพบจุดเลือดออกในตาขาว ดูแล้วเหมือนมันจะอาจจะไม่ค่อยรุนแรง เหมือนโรคไข้เลือดออกสักเท่าไหร่ แต่ถึงแม้จะไม่สามารคคร่าชีวิตของคนเราไปได้ แต่เราควรที่จะระมัดระวังเอาไว้ โดยเฉพาะลูกเด็กเล็กแดง ที่อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคได้ง่าย อีกทั้งช่วงนี้มีฝนตกบ่อยทำให้มีน้ำขัง เหมาะแก่การเจริญเติบโตของยุงลายซึ่งเป็นพาหะนำโรคอีกด้วย ส่วนวิธีป้องกัน!!! ถึงแม้ทุกวันนี้ยังไม่มียาหรือวัคซีนตัวใดที่ใช้รักษาได้โดยตรงทั้งโรคไข้เลือดออกและโรคชิคุนกันยา ดังนั้นการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ ถ้ามีไข้สูง ก็ให้ยาลดไข้ หรือลดอาการปวดข้อ และพักผ่อนให้เพียงพอก็สามารถบรรเทาอาการไปได้ แต่อย่างไรก็ตามการป้องกันการแพร่พันธ์ของยุงเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ สัปหาละ 1 ครั้ง จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดต้องหมั่นตรวจดูที่กักเก็บน้ำ ไม่ว่าจะเป็น บ่อ กะละมัง เพราะเป็นแหล่งที่ยุงออกไข่ จึงจำเป็นต้องมีฝาปิด ที่ใดจำเป็นต้องมีน้ำขังอยู่ก็ให้ใส่ทรายอะเบทลงไปเพื่อป้องกันการขางไข่ และ ควรเลี้ยงปลาในอ่างที่ปลูกต้นไม้ หรือแหล่งน้ำธรรมชาติเพราะ ปลาจะกินลูกน้ำเป็นอาหาร แต่นอกเหนือจากการป้องกันการแพร่พันธ์ของยุงแล้ว ตัวเราเองก็ต้องป้องกันตัวเราไม่ให้ถูกยุงกัด ด้วย ควรติดมุ้งลวดภายในบ้าน หรือ ทายากันยุงขณะทำงานและออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัดตอนกล่างวัน และที่สำคัญต้องเฝ้าสังเกตุคนในบ้านว่ามีไข้และอาการคล้ายกับโรคชิคุนกุนยา หรือไม่หากมีให้รีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน ถึงแม้เวลานี้ โรคชิคุนกันยาจะเป็นโรคใหม่ที่มีชื่อไม่คุ้นหูนัก แต่หากปล่อยให้แพร่ระบาดไปสู่วงกว้างอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเศรฐกิจได้ ...วันนี้เพียงป้องกันยุงลาย นอกจากนี้จะป้องกันไข้เลือดออกแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคชิคุนกันยาได้ด้วย

น่ามหัศจรรย์









































































































































มหาลัยของรัฐ/เอกชนที่เปิดสอนวิชาออกแบบ

รายชื่อของมหาวิทยาลัยของรัฐ และมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ
บางส่วนที่มีการเปิดสอนด้านออกแบบ, แอนิเมชั่น, ภาพยนตร์

1. มหาวิทยาลัยศิลปากร
คณะมัณฑนศิลป (www.decorate.su.ac.th) - สาขาวิชาออกแบบภายใน - สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ - สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ - สาขาวิชาประยุกตศิลปศึกษา - สาขาวิชาเครื่องเคลือบดินเผา - สาขาวิชาออกแบบเครื่องประดับ - สาขาวิชาออกแบบเครื่องแต่งกาย
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (www.ict.su.ac.th)
- สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการออกแบบ
- สาขาวิชานิเทศศาสตร์ สายวิชาภาพยนตร์ และวิทยุและโทรทัศน์
วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยศิลปากร (http://www.suic.org/programs/bfa_multimedia.html)
- มัลติมีเดียดีไซน์ (Miltimedia Design)

2. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ (www.arch.kmitl.ac.th) ภาควิชานิเทศศิลป์ - สาขาวิชานิเทศศิลป์ - สาขาวิชาภาพยนตร์ และวีดีโอ - สาขาวิชาถ่ายภาพ
3. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะศิลปกรรมศาสตร์ (http://creativearts.faa.chula.ac.th/class.php) ภาควิชานฤมิตศิลป์ - สาขาวิชาเรขศิลป์ - สาขาวิชานิทรรศการศิลป์ - สาขาวิชามัณฑนศิลป์ (แฟชั่น-สิ่งทอ) - สาขาวิชาหัตถศิลป์
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ - สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ (หลักสูตรนานาชาติ) (http://cucommde.blogspot.com/)
ภาควิชาออกแบบอุตสาหกรรม (www.arch.chula.ac.th/departments_id.php)
- สาขาวิชาการออกแบบเลขนิเทศ
- สาขาวิชาการออกแบบผลิตภัณฑ์ - สาขาวิชาการออกแบบสิ่งทอ - สาขาวิชาการออกแบบเครื่องเคลือบดินเผา - สาขาวิชาการออกแบบตกแต่งภายใน
คณะนิเทศศาสตร์ (www.commarts.chula.ac.th/departments/thai/film.htm)
ภาควิชาการภาพยนตร์และภาพนิ่ง
4. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะช่าง คณะวิชาออกแบบ (www.pohchang.rmutr.ac.th , http://web.rmutr.ac.th/pch) - สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ - สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณท์ - สาขาวิชาออกแบบภายใน - ศิลปะการถ่ายภาพ5. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะวิจิตรศิลป์ - สาขาวิชาการออกแบบ (www.finearts.cmu.ac.th/design/) - สาขาวิชาศิลปะการถ่ายภาพ (www.fotofofa.org)
วิทยาลัยสื่อ ศิลปะ และเทคโนโลยี (www.camt.cmu.ac.th/ani/)
- สาขาวิชาแอนิเมชั่น
6. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และออกแบบ (www.arch.kmutt.ac.th/communication.html) ภาควิชาออกแบบนิเทศศิลป์ (หลักสูตร INTER) คณะเทคโนโลยีมีเดียและศิลป์ประยุกต์ (www.mediaart01.com) - สาขาวิชามีเดียอาร์ต
- สาขาวิชาเทคโนโลยีมีเดียประยุกต์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี (www.fiet.kmutt.ac.th/online) - สาขาวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย7. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะศิลปกรรมศาสตร์ (http://fofa.swu.ac.th/) ภาควิชาออกแบบทัศนศิลป์ - สาขาวิชาออกแบบสื่อสาร - สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ - สาขาวิชาออกแบบแฟชั่น - สาขาวิชาศิลปะเครื่องประดับ
วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม (http://cosci.swu.ac.th/)
- สาขาวิชาการออกแบบสื่อปฏิสัมพันธ์และมัลติมีเดีย
- สาขาวิชาภาพยนตร์และสื่อดิจิตอล8. มหาวิทยาลัยบูรพา คณะศิลปกรรมศาสตร์ (http://fineart.buu.ac.th/visualcom.html) ภาควิชานิเทศศิลป์ - สาขาคอมพิวเตอร์กราฟิก - สาขาออกแบบเรขศิลป์ - สาขาโทรทัศน์ และดิจิตอลมีเดีย
วิทยาเขตสารสนเทศจันทบุรี คณะอัญมณี
- สาขาวิชาการออกแบบเครื่องประดับ9. มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะศิลปกรรมศาสตร์ (http://faa.kku.ac.th/visual/) ภาควิชาออกแบบนิเทศศิลป์
วิทยาลัยนานาชาติ
สาขาวิชาเทคโนโลยีมัลติมีเดียและแอนิเมชั่น (www.ic.kku.ac.th/thai/)

10. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต คณะศิลปกรรมศาสตร์ (http://fineart.tu.ac.th/home.asp)
- สาขาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์
ศูนย์ลำปาง คณะศิลปกรรมศาสตร์ (www.icdonline.co.cc)
- สาขาศิลปะการออกแบบหัตถอุตสาหกรรม
คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน (http://jc.tu.ac.th/)
- กลุ่มวิชาภาพยนตร์
11. วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล (www.muic.mahidol.ac.th/thai/media.php) หลักสูตรศิลปศาสตร์ (Bachelor of Arts – B.A.)
กลุ่มวิชาศิลปะสร้างสรรค์สื่อบันเทิง (Entertainment Media )
- การผลิตแอนิเมชัน (Animation Production)
- การผลิตภาพยนตร์ (Film Production)
- การผลิตโทรทัศน์ (Television Production)
- การออกแบบนิเทศศิลป์ (Communication Design)
12. มหาวิทยาลัยนเรศวร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาศิลปะและการออกแบบ (www.arch.nu.ac.th/artsite/) - สาขาวิชาออกแบบบรรจุภัณฑ์ - สาขาวิชาออกแบบสื่อนวัตกรรม - สาขาวิชาออกแบบทัศนศิลป์13. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี คณะศิลปะประยุกต์และการออกแบบ (www.ap.ubu.ac.th/index2.php?openpage=1&pageboby=body011) ภาควิชาออกแบบผลิตภัณฑ์
ภาควิชาการออกแบบสื่อโฆษณาศิลป์
ภาควิชาการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ภาควิชาการออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ14. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ (www4.msu.ac.th/architect/cahome.html) ภาควิชานฤมิตศิลป์

15. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สำนักวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ (http://itschool.mfu.ac.th/main)
- สาขาวิชาเทคโนโลยีมัลติมีเดีย และการสร้างภาพเคลื่อนไหว

16. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
คณะเทคโนโลยีและการจัดการอุตสาหกรรม
(www.fitm.kmutnb.ac.th/cm/index.php?option=com_content&task =view&id=30&Itemid=42)
ภาควิชาเทคโนโลยีการออกแบบผลิตภัณฑ์ และจัดการอุตสาหกรรมก่อสร้าง วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
ภาควิชาเทคโนโลยีศิลปะอุตสาหกรรม (http://diat.cit.kmutnb.ac.th/)
- สาขาวิชาออกแบบภายใน - สาขาวิชาออกแบบเซรามิกส์ - สาขาวิชาออกแบบศิลปะประยุกต์

17. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
คณะศิลปกรรมศาสตร์ (www.far.ssru.ac.th/main.php)
- สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์
- สาขาวิชาออกแบบหัตถศิลป์ - สาขาวิชาออกแบบเครื่องแต่งกาย
คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (www.fit.ssru.ac.th)
- สาขาวิชาออกแบบกราฟฟิกและมัลติมีเดีย
- สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม

18. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
หลักสูตรศิลปกรรม ออกแบบนิเทศศิลป์
(http://dusithost.dusit.ac.th/~human/program/art2/index.html)
หลักสูตรการออกแบบงานแสดงและนิทรรศการ (http://evexdusit.blogspot.com/)

19. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คณะศิลปกรรมศาสตร์ (www.fa.rmutt.ac.th)
- สาขาวิชาออกแบบภายใน - สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ - สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ - สาขาวิชาออกแบบแฟชั่นและศิลปะสิ่งทอ คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน (www.mct.rmutt.ac.th)
- สาขาวิชาถ่ายภาพและภาพยนตร์ - สาขาวิชามัลติมีเดีย20. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (www.sci.rmutk.ac.th/)
- สาขาวิชาเทคโนโลยีการถ่ายภาพและภาพยนตร์ - สาขาวิชาเทคโนโลยีเครื่องเรือน - สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอ (www.textiles.rmutk.ac.th/)
- สาขาวิชาออกแบบสิ่งทอ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ (www.techhome.rmutk.ac.th/) - สาขาวิชาแฟชั่นและเทคโนโลยีเสื้อผ้า - สาขาวิชาการออกแบบแฟชั่น21. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ (www.arch.rmutp.ac.th/firstpage.html) - สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม - สาขาวิชาออกแบบบรรจุภัณฑ์ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ (www.hec.rmutp.ac.th/th/news.php) - สาขาวิชาออกแบบแฟชั่นผ้าและเครื่องแต่งกาย
คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน (www.mct.rmutp.ac.th/)
- สาขาวิชาเทคโนโลยีมัลติมีเดีย

22. มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (http://artnet.chandra.ac.th/news.php)
- สาขาวิชาศิลปกรรม

23. มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (www.bsru.ac.th/~human/art/index.html)
- สาขาวิชาศิลปกรรมออกแบบนิเทศศิลป์ - สาขาวิชาศิลปกรรมออกแบบประยุกต์ศิลป์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (www.bsru.ac.th/~sci/dept/product/index.php) - สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม - สาขาวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (แอนิเมชั่นและมัลติมีเดีย) (http://bestechcenter.com/comtech.html)

24. มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (http://dit.dru.ac.th/artanddesign/)
หลักสูตรศิลปกรรม
- สาขาวิชาประยุกต์ศิลป์
- สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์
- สาขาวิชาออกแบบแฟชั่น

25. มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
- สาขาวิชาศิลปกรรม (www.pnru.ac.th/fac/human/upload-files/pictures/26/Art_9378.pdf)
คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
- สาขาวิชาเทคโนโลยีออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (http://servnet.pnru.ac.th/fac/techno/6.php)

26. มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ สำนักวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ (http://arch.wu.ac.th/)
- สาขาวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม - สาขาวิชาการออกแบบเครื่องประดับ - สาขาวิชาการออกแบบบรรจุภัณฑ์
- สาขาวิชาการออกแบบเฟอร์นิเจอร์
- สาขาวิชาการออกแบบผลิตภัณฑ์

27. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา คณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ (http://art2551.rmutl.ac.th/)
- สาขาวิชาการออกแบบ - สาขาวิชาเทคโนโลยีศิลป์

รายชื่อของมหาวิทยาลัยเอกชน
บางส่วนที่มีการเปิดสอนด้านออกแบบ และแอนิเมชั่น

1. มหาวิทยาลัยรังสิต คณะศิลปะและการออกแบบ (www.rsu.ac.th/arts/index1.html)
- สาขาวิชาศิลปภาพถ่าย - สาขาวิชาออกแบบภายใน - สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ - สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม - สาขาวิชาคอมพิวเตอร์อาร์ต - สาขาวิชาแฟชั่นดีไซน์

2. มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
คณะศิลปกรรมศาสตร์ (http://fab.bu.ac.th/index.php) - สาขาวิชาการออกแบบตกแต่งภายใน
- สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ - สาขาวิชาการออกแบบทัศนศิลป์
- สาขาวิชาการออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ
คณะนิเทศศาสตร์ (www.bu.ac.th/th/academic/comarts.php)
- สาขาวิชาภาพยนตร์

3. มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ (www.dpu.ac.th/finearts) - สาขาวิชาคอมพิวเตอร์กราฟิก - สาขาวิชาการออกแบบตกแต่งภายใน - สาขาวิชาการออกแบบและธุรกิจแฟชั่น
คณะวิศวกรรมศาสตร์ (www.dpu.ac.th/eng/ae)
- ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์แอนิเมชันและเกม
คณะนิเทศศาสตร์ (www.dpu.ac.th/commarts/page.php?id=640)
- สาขาวิชาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล

4. มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) คณะนิเทศศาสตร์ (Communication Arts) (www.admissions.au.edu/pdf/eng_comarts.pdf) ภาควิชานิเทศศิลป์ (Visual Communication Arts) - สาขาวิชานิเทศศิลป์
5. มหาวิทยาลัยศรีปทุม คณะดิจิทัลมีเดีย (http://sdm.spu.ac.th/)
- สาขาวิชาดิจิทัลอาร์ตส์ - สาขาวิชาเกมและแอนิเมชัน

6. มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ (http://arch.kbu.ac.th/department.html) - สาขาวิชาออกแบบภายใน - สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ คณะนิเทศศาสตร์
- สาขาวิชาภาพยนตร์และดิจิตอล

7. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร คณะวิทยาการและเทคโนโลยีสารสนเทศ (www.it.mut.ac.th/about/course/index_multimedia.html)
- สาขาวิชาเทคโนโลยีมัลติมีเดียและแอนิเมชัน

8. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
คณะวิทยาศาสตร์ (http://science.utcc.ac.th/science/page/page_majorant.html) - สาขาวิชาคอมพิวเตอร์แอนิเมชั่น

9. มหาวิทยาลัยหัวเฉียว
คณะนิเทศศาสตร์ (http://commarts.hcu.ac.th/com_design.htm) - สาขาวิชานิเทศศิลป์ - สาขาวิชาสื่อมัลติมีเดียและสื่อใหม่

10. มหาวิทยาลัยคริสเตียน
คณะมัลติมีเดียและดิจิทัลอาร์ต (http://service.christian.ac.th/mda/index.php) - สาขาวิชามัลติมีเดียและแอนิเมชัน
- สาขาวิชาการพัฒนาซอฟต์แวร์-การพัฒนาและออกแบบเว็บ
- สาขาวิชาการออกแบบสื่อสารดิจิทัล11. มหาวิทยาลัยสยาม คณะนิเทศศาสตร์
- ภาควิชาสื่อดิจิตัล (www.nitadesiam.com)

มันคือที่ห้อยมือถือ
















วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

กิจกรรม รณรงค์ "งดเหล้า เลิกบุหรี่พรรษานี้เพื่อครอบครัว

กิจกรรม รณรงค์ "งดเหล้า เลิกบุหรี่พรรษานี้เพื่อครอบครัว"จัดโดย โรงเรียนฝางธรรมศึกษา (พระปริยัติรรม) อ.ฝาง จ.เชียงใหม่อยากให้นักข่าวได้มีส่วนในการมาทำข่าวและประชาสัมพันธ์ให้สังคมรับทราบก่อนเข้าพรรษานี้ ให้สังคมไทยสงบสุข ช่วยบอกต่อไปด้วยนะครับเจริญพร
google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ญี่ปุ่นสร้างโรงงานผัก

ญี่ปุ่นสร้างโรงงานผัก
วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6769 ข่าวสดรายวันญี่ปุ่นสร้างโรงงานผักนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นพัฒนาวิธีใหม่ในการปลูกผัก ซึ่งอาจเป็นวิธีการปลูกพืชการเกษตรในอนาคต ใน "โรงงานผัก" ของบริษัทโอสุ มีการควบคุมสิ่งแวดล้อมทุกๆ อย่าง เช่น แสง น้ำ ความชื้น อุณหภูมิ ไม่ใช้ดิน ไร้แมลง ไม่มีอากาศจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามา แม้แต่ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ผู้ที่ทำงานอยู่ใน "โรงงานผัก" ต้องใส่ถุงมือ หน้ากาก เสื้อผ้าพิเศษที่ใส่ดูแล้วเหมือนกับเป็นนักวิทยาศาสตร์ในห้องทดลองมากกว่าเป็นคนงาน ทั้งยังมีการรักษาความสะอาดเป็นอย่างยิ่ง เมื่อวิธีปลูกไม่ธรรมดา ราคาก็ต้องไม่ธรรมดาตามไปด้วย ผู้ที่ซื้อส่วนมากเป็นผู้มีฐานะดี เนื่องจากไม่มีการใช้ปุ๋ย สารเคมี ยาฆ่าแมลง และอยู่ในที่สะอาด บรรดาผักจึงนำมากินได้เลยโดยไม่ต้องล้าง"โรงงานผัก" มีแสงส่องสว่างตลอด 24 ชั่วโมง ผักจึงเติบโตได้อย่างรวดเร็ว อย่างผักกาดหอมสามารถเวียนปลูกได้ 20 ครั้งต่อปี การสร้าง "โรงงานผัก" ยังมีแนวโน้มมากขึ้น เพราะรัฐบาลสนับสนุนการปลูกพืชโดยไม่ใช้สารเคมี ทั้งยังไม่เปลืองเนื้อที่เพาะปลูก ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่าย ที่เหนืออื่นใดคือปลอดภัยต่อผู้บริโภค
http://www.matichon.co.th/khaoso ... 09TMHdOaTB4TVE9PQ==

ข้อดีของการดื่มนำบรรเทาหวัด

6 ข้อดีดื่มน้ำบรรเทาหวัด
อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก ทำให้หลายคนที่ไม่ค่อยได้ดูแลสุขภาพเป็นพิเศษมักเป็นหวัดได้ง่าย "โรคหวัด" เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้จะเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สบายเนื้อสบายตัว ทำให้มีอาการปวดศรีษะ ตัวร้อน น้ำมูกไหล ไอ จาม มีเสมหะ ถ้าไม่ดูแลรักษาตัวให้ดีอาจก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ เมื่อเป็นหวัดแนะนำว่าควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเพราะน้ำสามารถช่วยเยียวยาร่างกายให้หายจากหวัดได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุที่ว่า.. 1. น้ำช่วยละลายเสมหะไม่ให้เหนียว โดยเฉพาะการดื่มน้ำอุ่น 2. ช่วยลดไข้หากไข้ขึ้นสูง น้ำนี่แหล่ะที่จะช่วยทำให้ร่างกายเย็นลงได้ 3. ช่วยให้ร่างกายมีความชุ่มชื้นเพียงพอ ซึ่งส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี 4. ช่วยให้เยื้อบุจมูกที่บุช่องทางเดินหายใจส่วนบนทำหน้าที่ได้ดีขึ้น จึงช่วยลด อาการคัดจมูก 5. ช่วยป้องกันการติดเชื้อ และอักเสบ 6. ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายฟื้นจากอาการไข้ได้เร็วขึ้น นอกจากนั้น หากอยากดื่มเครื่องดื่มที่มีรสชาติมากขึ้น แนะนำให้ลองดื่มน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น น้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำกีวี น้ำมะเขือเทศ ฯลฯ เพราะวิตามินซีช่วยให้อาการหวัดหายเร็วขึ้น ส่วนคนที่มีอาการเจ็บคอสามารถบรรเทาอาการโดยใช้เกลือละลายน้ำอุ่นกลั้วคอ 2-3 วันติดต่อกันอาการจะทุเลาลงโดยไม่ต้องใช้ยาค่ะ ที่มา : บริการชีวจิตโฟน นิตยสาร ชีวจิต ฉบับที่ 191 ปีที่ 8 กันยายน 2549

อาหารและยาเตือนอันตราย

เตือนอย่าซื้อน้ำผลไม้ขวดสเปรย์ไม่มี อย.
วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 17:16 น. ข่าวสดออนไลน์
http://www.matichon.co.th/khaoso ... E5EWXlPVEEyT1E9PQ==เตือนอย่าซื้อน้ำผลไม้ขวดสเปรย์ไม่มี อย. เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 มิ.ย. นางนัทธมน ยิ้มแย้ม รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.ราชบุรี นางวรลักษณ์ อนันตระกูล เภสัชกรชำนาญการ รักษาการหัวหน้าสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจสอบน้ำผลไม้ที่บรรจุอยู่ในขวดสเปรย์มีสติ๊กเกอร์ติดว่าน้ำผลไม้หลายสีสัน ที่โรงเรียนวัดเขาวังราชบุรี อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังรับแจ้งจากอาจารย์กิจจา แสงสว่าง อาจารย์ 2 ระดับ 7 ซึ่งเป็นอาจารย์ในวิชาพลศึกษาของโรงเรียนวัดเขาวัง ว่าได้ทำการยึดขวดน้ำผลไม้แบบสเปรย์มาจากเด็กนักเรียนมากกว่า 100 ขวด ตรวจสอบทางโรงเรียนแจ้งว่าเนื่องจากเด็กเรียนในโรงเรียนแห่กันซื้อสเปร์ยน้ำหวานมาจากร้านขายขนมหน้าโรงเรียน แล้วนำมาฉีดใส่ปาก และฉีดเล่นใส่หน้าเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ทางโรงเรียนเกรงว่าจะมีอันตรายต่อเด็ก จึงได้ขอให้ทางสาธารณสุขจังหวัดมาตรวจสอบพบว่าขวดน้ำผลไม้ที่ทางโรงเรียนยึดมาได้ สูงประมาณ 8-10 ซม. เป็นขวดพลาสติก มีสีสันหลากสีมีรูปผลไม้ ด้านนอกขวดติดฉลากภาษาต่างชาติหลายภาษา มีทั้งภาษาพม่า ภาษาจีน มีวันเดือนปีที่ผลิต และวันหมดอายุ นอกจากนี้ยังมีตัวสารอาหารติดไว้ที่ข้างขวด มีทั้งกรดซิตริค โปรตัสเซียม และกลิ่นผลไม้ต่างๆ ทั้ง ส้ม องุ่น มะนาวและกลิ่นโคล่า โดยใช้ชื่อ แคนดี้ ไซรับ (Candy syrup) ระบุผลิตในประเทศจีน ภายในขวดมีน้ำผลไม้ตามสีและกลิ่นของผลไม้ มีฝาปิดที่เป็นฝาขวดสเปรย์ไว้สำหรับฉีดใส่ปาก ขายในราคาขวดละ 5 บาท ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่เด็กนักเรียนตามโรงเรียนต่างๆเป็นอย่างมาก นางนัทธมน กล่าวว่า หลังจากทางโรงเรียนได้เก็บขวดน้ำดังกล่าวมาจากเด็กนักเรียน จะต้องนำน้ำผลไม้ในขวดไปตรวจสอบว่ามีสารอาหารตามที่ระบุไว้ข้างขวดหรือไม่ และที่เห็นความผิดชัดคือไม่มี อ.ย.รับรอง ซึ่งจะต้องตรวจสอบตามร้านค้าที่นำมาขายด้วยว่ารับมาจากที่ใด และเป็นที่น่าสังเกตว่าการติดฉลากสินค้านั้นมีการติดกลับหัว คล้ายกับรีบติดฉลากเพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้า จึงเชื่อว่าอาจจะเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย แต่อาศัยชื่อของต่างประเทศเพื่อให้มองดูเป็นสินค้านำเข้า นอกจากนี้ก็จะต้องขอความร่วมมือร้านค้าอย่านำสินค้าชิ้นนี้มาขายเนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่มี อย. รับรอง และหากพบว่ายังมีการวางจำหน่ายอยู่ก็จะดำเนินการตามกฎหมายทันที

ป้องกันเส้นเลือด->ด้วยช้อกโกแลต

ป้องกันเส้นเลือดอุดตันด้วย ช็อกโกแลตดำ
นักวิจัยพบว่าช๊อกโกแลตดำเพียงวันละสองช้อนโต๊ะ หรือจะแปรรูปเป็นโกโก้ร้อน 1 แก้ว ช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือดได้พอๆ กับการกินยาแอสไพริน โครงการศึกษาผลจากยาแอสไพรินที่มีผลต่อเกร็ดเลือด โดยศาสตราจารย์ไดแอนน์เบกเกอร์ ผู้นำการวิจัยของมหาวิทยาลัย จอห์น ฮอปกินส์ ประเทศสหรัฐอเมริกากำหนดให้กลุ่มตัวอย่างออกกำลังกาย งดบุหรี่ และอาหารบางอย่าง เช่น ไวน์ ชากาแฟ และช๊อกโกแลตก่อนเข้ารับการทดลอง หลังจากนั้นนักวิจัยทำการเปรียบเทียบ ระยะเวลาที่เกล็ดเลือดจับตัวกันเป็นก้อน พบว่าเกล็ดเลือดของกลุ่มตัวอย่างที่ไม่งดช๊อกโกแลต มีเกล็ดเลือดจับตัวกันช้ากว่า กลุ่มนักวิจัยจึงศึกษาเพิ่มเติมคุณสมบัติของเมล็ดโกโก้ และพบว่าในเมล็ดโกโก้มีสารเคมีชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญที่มีผลทางชีวเคมีที่ออกฤทธิ์คล้ายกับยาแอสไพรินที่ช่วยลดการจับตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นเลือด และหลอดเลือดอุดตันที่อาจส่งผลรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด ก่อนหน้านี้ก็ได้มีรายงานการวิจัยที่ออกมาสนับสนุนประโยชน์ของช๊อกโกแลตอย่างต่อเนื่องอาทิ พบว่าในช๊อกโกแลตมีสารเพนเทเมอร์ที่ช่วยยับยั้งการลุกลามของเซลล์มะเร็งได้และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ แม้ว่าสารเคมีที่อยู่ในเมล็ดโกโก้จะมีผลดีต่อการไหลเวียนของโลหิตได้ดี แต่หากว่าร่างกายได้รับไขมันและน้ำตาลที่มากเกินไปก็อาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อหัวใจของคุณได้เช่นกันที่มา : คอลัมน์ Living Beware นิตยสาร ใกล้หมอปีที่ 30 ฉบับที่ 12 เดือนธันวาคม 2549